เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 ก.ย. พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ศส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปจร.น.) ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายสุเมธ หรือชาญวิทย์ ตันติรัตนา อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 157/132 ม.9 ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ตามหมายจับของ สน.บางซื่อ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม พร้อมของกลาง รถเบนซ์ รุ่นซี 200 คอมเพรสเซอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ชจ 6446 กรุงเทพมหานคร รถยนต์นิสสัน รุ่นนีโอ สีเทา หมายเลขทะเบียน ภว 6776 กรุงเทพมหานคร รถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ หมายเลขทะเบียน กจ 6773 สระบุรี สำเนาบัตรประชาชน แผ่นป้ายทะเบียน แผ่นป้ายชำระภาษีประจำปี สำเนาทะเบียนบ้าน สมุดเงินฝากและเอกสารอื่นๆ รวม 57 รายการ จับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 25/401 ซอยรามคำแหง 124 หมู่บ้านเกศรี 2 แขวงและเขตสะพานสูง กทม.
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ พล.ต.ต.กฤษฎาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของ ศส.บช.น.ได้รับแจ้งเบาะแส จากพลเมืองดีว่า ที่บ้านของนายสุเมธมักมีรถยนต์เข้าออกหลายคัน บางคันไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นที่ผิดสังเกต เมื่อตรวจสอบประวัติ พบว่านายสุเมธเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของ สน.บางซื่อ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมพร้อมยึดของกลางดังกล่าว สำหรับพฤติการณ์กระทำความผิดมีความซับซ้อน เนื่องจากผู้ต้องหาทราบถึงระบบการกู้ยืมเงินและชำระเงินเป็นอย่างดี โดยผู้ต้องหาจะปลอมแปลงเอกสารทางราชการ พร้อมกับเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารต่างๆ ปรับแต่งสมุดบัญชีเงินฝากให้มีเงินหมุนเวียน เข้า-ออก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับ เครื่องใช้ไฟฟ้าย่านบางกะปิควบคู่ไปด้วย
รอง ผบช.น. กล่าวว่า โดยคดีที่ถูกอออกหมายจับนั้น นายสุเมธได้ใช้เอกสารที่ปลอมแปลงและเอกสารจริงบางส่วนไปขอสินเชื่อจากธนาคารกสิกรไทย ได้เงินไปจำนวน 7 ล้านบาท จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อได้ เงินมาแล้ว นายสุเมธจะนำเงินไปดาวน์รถยนต์ ก่อนจะนำรถยนต์ไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน จากการตรวจสอบทะเบียนประวัติอาชญากร ยังพบว่านายสุเมธเคยถูกจับกุมในคดีฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสารทางราชการมากว่า 6 ครั้ง ในเบื้องต้นนี้ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้แจ้งข้อหาปลอมแปลง และใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งเป็นข้อหาหลักไว้ก่อน ส่วนการฉ้อโกงรถยนต์นั้นต้องรอให้บริษัทไฟแนนซ์เข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ จากการตรวจค้นบ้านของนายสุเมธ ยังพบเอกสารราชการที่ระบุชื่อของเพื่อนร่วมขบวนการของนายสุเมธ จึงยึดไว้พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ตรวจสอบเพื่อขยายผลการจับกุมอีกด้วย
ขณะที่นายสุเมธกล่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดาวน์รถยนต์ไปขายยังต่างประเทศแต่อย่างใด ทั้งนี้ขอยอมรับว่าได้ปลอมแปลงเอกสารทางราชการเพียงอย่างเดียว ส่วนเอกสารอย่างอื่นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดมาได้นั้น เป็นเอกสารของลูกความที่มาให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับทางด้านคดีเช่าซื้อรถยนต์ เนื่องจากตนเป็นผู้ช่วยทนายความ จึงขอให้การปฏิเสธ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว ภรรยาของนายสุเมธ พร้อมลูกสาวและลูกชาย ได้ขอร้องกับสื่อมวลชนว่าให้หยุดการเสนอข่าวและถ่ายภาพนายสุเมธ เนื่องจากศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่าสามีกระทำความผิด ประกอบกับบุตรสาวกำลังจะเข้ารับปริญญาโท หากมีภาพและข่าวออกไป จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง