เจ้าอาวาสวัดดังสุราษฎร์ฯ ถูกจับฉี่ม่วงยอมสึกแล้ว

เจ้าอาวาสวัดดังเมืองสุราษฎร์ธานี ลาสิกขาบทแล้วหลังถูกจับฉี่ม่วง ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชี้เป็นบทเรียนสำคัญให้คณะสงฆ์ ที่จะต้องปกครองดูแลวินัยของสงฆ์ให้มากขึ้น...

จากกรณี ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จับกุมนายอนุวัตร นนทแก้ว อายุ 37 ปี และทราบในเวลาต่อมาคือ พระครูปัญญาวิสุทธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ในข้อหาขับรถ ในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ตาม พรบ.จราจร และ ข้อหาเสพสารเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ตาม พรบ.ยาเสพติด ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า วันที่ 6 ส.ค. นายคุณัชญ์พงษ์ ทหารไทย ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ล่าสุดรับรายงานจากประธานคณะสงฆ์ จ.สุราษฎร์ธานี ทราบว่า นายอนุวัตร ได้ทำการลาสิกขาบท ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเช้าวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในทางสงฆ์ถือว่าได้สิ้นสุดการเป็นพระลงแล้วหลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนสำคัญให้คณะสงฆ์ จ.สุราษฎร์ธานีคำนึงถึงการปกครองดูแลวินัย และการปฎิบัติของสงฆ์ให้มากยิ่งขึ้น...

ด้านร.ต.อ.อาคม ศรีณวัฒน์ รองสวป.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี หัวหน้าด่านตรวจอาวุธและยาเสพติด และเป็นหัวหน้าชุดจับกุม กล่าวว่า กรณีโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งข้อสังเกตว่าขณะจับกุม ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งต้องระบุชั้นยศของพระ หากเป็นพระผู้ใหญ่ ว่า ขณะเกิดเหตุ นายอนุวัตร ได้ขับรถกระบะมิตซูบิชิ แบบ 4 ประตู สีแดง ทะเบียน กฉ1306 สุราษฎร์ธานี มาตามลำพังเมื่อตำรวจเรียกตรวจสอบก็ยินยอมให้ตรวจค้นแต่โดยดี แต่สังเกตพบว่ามีอาการคล้ายเมาสุรา จึงทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งนายอนุวัตรก็ยินยอม และมอบเอกสารประจำตัวบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่  ซึ่งในบัตร ระบุชื่อพระครูอนุวัตร นนทแก้ว จึงสอบถามว่าทำไมถึงแต่ชุดฆราวาส ซึ่งนายอนุวัตร แจ้งว่า เคยบวชเป็นพระจริง และเพิ่งลาสิกขาออกมาเนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ และเมื่อผลตรวจออกมาเป็นสีม่วง นายอนุวัตรยังได้ร้องขอให้ใช้คำนำหน้านามว่านาย ซึ่งทางตำรวจไม่ได้ติดใจ  ยืนยันว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอน

ขณะที่ผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งจากลูกศิษย์คนใกล้ชิด ของอดีตพระครูปัญญาวิสุทธาภรณ์ หรือนายอนุวัตรว่า หลังจากถูกจับกุมนายอนุวัตร มีอาการเครียดเป็นอย่างมาก และแจ้งกับลูกศิษย์ก่อนเข้าทำการลาสิกขาบท ว่า ยอมรับในสิ่งที่ได้กระทำขึ้นมาและยอมลาสิกขาบท เพื่อไม่ให้ศาสนามัวหมอง...

CR:::dailynews.co.th