ทุบน่วมฆ่าหักคอ ยัดกล่อง สาวบ.นาฬิกาดัง
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 31 ส.ค. พ.ต.ท.ชรินทร์ งามวงศ์น้อย สารวัตรเวร สภ.อ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้ง พบศพหญิงสาวถูกฆ่ายัดอยู่ในกล่องกระดาษขนาดใหญ่ นำมาทิ้งไว้ในป่าหญ้าริมถนนสายคลองอุดมชลจรเปร็ง หมู่ 8 ต.คลองอุดมชลจร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรีบไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วีระชัย วิสุทธิอุทัยกุล รอง ผบก.ภ.จ.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก.สภ.อ. เมืองฉะเชิงเทรา พญ.ขวัญจิรา วงศ์เกียรติจร แพทย์เวร รพ.เมืองฉะเชิงเทรา และหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านหลายสิบคนยืนมุงดูกันแน่นขนัด โดยไม่หวั่นเกรงสายฝนที่กระหน่ำลงมา อย่างหนัก ในป่าหญ้าข้างถนนพบกล่องกระดาษสีน้ำตาลใบใหญ่สำหรับบรรจุเครื่องซักผ้ายี่ห้อซัมซุง แบบ 2 ถังซัก วางนอนอยู่บนพื้น กล่องอยู่ในสภาพเปียกน้ำฝนจนชุ่ม กลางกล่องมีเชือกร่มสีดำและสีน้ำตาล 2 เส้น มัดไว้แน่น หนาหลายรอบ ฝากล่องถูกเปิดออกแล้ว ภายในกล่องมีศพ หญิงสาวนั่งคุดคู้อยู่ ผู้ตายสวมเสื้อสูทสีดำคลุมทับเสื้อกล้าม สีส้ม นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า สภาพศพถูก ทำร้ายจนคอหัก ปากแตก ใบหน้า และลำตัวถูกทุบตีเป็นรอยเขียวช้ำ แพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
ตรวจค้นตัวผู้ตายพบเงินสด 4,500 บาท บัตรเอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ ใบเสร็จรับเงินจากการซื้อสินค้าของห้างเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ สภาพเปียกน้ำชุ่มโชกจนหมึกพิมพ์เลอะเลือน ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน และยังพบตะกรุดปลอกลูกปืนอาจารย์อ๊อด วัดสายไหม เลี่ยมกรอบพลาสติก 1 ดอก ติดด้วยเข็มกลัดกลัดไว้ด้านใน ปกเสื้อสูทด้วย นอกจากนี้ภายในกล่องยังพบเสื้อเชิ้ต เสื้อยืด และกางเกงขายาวของผู้ชาย สภาพเก่า เปื้อนสี ลักษณะคล้ายเสื้อผ้าของคนงานก่อสร้าง รวมกว่า 10 ตัว และกระโปรง เด็กนักเรียนอนุบาลสีกรมท่ายัดอยู่รวมกับศพ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบปากคำนายชาตรี เกียรติทนะชัย อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146/1 หมู่ 1 ต.เปร็ง อ.เมือง ฉะเชิงเทรา ผู้พบศพคนแรก ให้การว่า ขณะที่เดินผ่านจุดพบศพเพื่อจะไปยังบ่อเลี้ยงปลาที่อยู่ในละแวกดังกล่าว เห็นกล่องกระดาษ ใบใหญ่อยู่ในป่าหญ้า จึงเดินเข้าไปดู พบกล่องวางนอนอยู่ กับพื้น และมีเชือกพันอยู่รอบกล่องอย่างแน่นหนา จึงเกิด ความสงสัยและพยายามจะยกกล่องตั้งขึ้น แต่ยกไม่ไหวเพราะของในกล่องมีน้ำหนักมาก เลยเปิดฝากล่องออกดู ก็พบว่า มีเสื้อผ้าอยู่ภายในกล่อง แต่เมื่อดึงเสื้อผ้าออก ก็พบศีรษะของผู้หญิงโผล่ออกมา จึงรีบโทรศัพท์แจ้งให้ ตำรวจมาตรวจสอบ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบจากบัตรเอทีเอ็ม ที่พบในตัวผู้ตาย ทราบชื่อเจ้าของบัตรคือ นางทองรัก สิงห์แก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 188/123 ซอยพนาสนธิ์ ต.ดอกไม้ เขตประเวศ กทม. มีอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประกันภัยสินค้า บริษัท โทรคาเดโร ไทม์ จำกัด ตั้งอยู่ชั้น 29 อาคาร กรุงเทพประกันภัย ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขต สาทร กทม. ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายและศูนย์รับซ่อมนาฬิกา แบรนด์เนมชื่อดังราคาแพง อาทิ กุชชี่ โอริส บุชเชอเร่อร์ ยูริสนาร์แด็ง โดยทางบริษัทได้มอบหมายให้นางทองรัก ผู้ตาย ประจำอยู่ที่ศูนย์จำหน่ายนาฬิกาข้อมือยี่ห้อกุชชี่ ภายในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ เพื่อดูแล เรื่องใบรับประกันสินค้าให้กับลูกค้าที่ซื้อนาฬิกายี่ห้อนี้
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายสันติ แก้วมณี อายุ 42 ปี สามีของผู้ตาย และนายสมิง สิงห์แก้ว อายุ 67 ปี พ่อของผู้ตาย เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน หลังทราบข่าวการพบศพจากสื่อมวลชน นายสันติ สามีผู้ตายให้การว่า ตนและนางทองรัก ภรรยา แต่งงานอยู่ กินกันมาหลายปีแล้ว มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 4 ขวบ พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ดังกล่าวพร้อมกับนายสมิง พ่อตา ปกติในวันธรรมดาช่วงเช้า ตนจะเป็นผู้ไปส่งลูกชายที่โรงเรียนย่านลาดกระบัง ก่อนจะเดินทางไปทำงานต่อที่ บริษัท สยามไดกิ้น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศ ตั้งอยู่ถนนอ่อนนุช ส่วนภรรยาจะออกจากบ้านไปทำงานในเวลาประมาณ 09.00 น. โดยจะนั่งรถ จยย.รับจ้างเจ้าประจำทุกวัน คนขับคือ นายบัวฮอง หรือเท่ง พรจันทร์ ไม่ทราบอายุ ขับขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีดำ-แดง ทะเบียนป้ายเหลือง กตต 489 กทม. เสื้อวินเบอร์ 14 วินตั้งอยู่ปากซอย 48 ถนนเฉลิมพระเกียรติสวนหลวง ร.9
ทุกเช้านางทองรักจะว่าจ้างให้นายบัวฮองขี่รถไปส่งที่คิวรถตู้โดยสาร ขสมก. สายสุวรรณภูมิ-แฮปปี้แลนด์ เพื่อไปทำงานที่ห้างเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ แต่ถ้าวันไหนภรรยาออกจากบ้านสายไม่ทันรถตู้ก็จะนั่งรถแท็กซี่ไปทำงาน พอเลิกงานจะนั่งรถตู้กลับ แล้วให้นายบัวฮองมารอรับที่คิวรถตู้ในเวลา 22.00 น. ของทุกวัน ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ส.ค. ภรรยาออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ แต่คืนนั้นภรรยาไม่ได้กลับบ้าน ตนพยายามโทรศัพท์เข้ามือถือของภรรยาทั้งคืนแต่ไม่มีคนรับสาย กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นจึงไปสอบถามนายบัวฮองว่ารู้เรื่องการหายตัวไปของนางทองรักหรือไม่ ซึ่งนายบัวฮองอ้างว่า ตอนเช้าวานนี้ได้ขี่รถไปส่งผู้ตายขึ้นรถตู้ตามปกติ ตกกลางคืนก็มารอรับผู้ตายที่คิวรถตู้เช่นทุกวัน รออยู่จนถึงเที่ยงคืนก็ไม่เห็นผู้ตายกลับมา นายบัวฮองจึงไม่รอต่อและขี่รถกลับบ้านไปนอน
เมื่อทราบจากนายบัวฮองดังนั้น ทำให้ตนเป็นห่วงมาก ลองโทรศัพท์ติดต่อผู้ตายอีกครั้งก็ปรากฏว่ามือถือปิดเครื่องไปแล้ว ทำให้ร้อนใจยิ่งขึ้น จึงโทรศัพท์ เข้าไปที่รายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน แจ้งว่านางทองรัก ภรรยาหายตัวไปจากบ้าน ตั้งแต่เช้าวันที่ 30 ส.ค. โดยไม่ทราบชะตากรรม กระทั่งตกบ่ายได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พบศพภรรยาถูกฆ่ายัดกล่องแล้วนำศพไปทิ้งไว้ในพงหญ้า สำหรับทรัพย์สินของนางทองรักที่หายไป คือ กระเป๋าสะพาย ภายในมีกระเป๋าสตางค์ เอกสาร และโทรศัพท์มือถือ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตไม่ทราบเช่นกันว่ามาจากเรื่องใด เพราะครอบครัวก็อบอุ่นดี ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งประเด็นไปที่เรื่องความขัดแย้งส่วนตัว การฆ่าชิงทรัพย์ และชู้สาว จากแนวทางการสืบสวนพบว่า เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 30 ส.ค. นางทองรักโทรศัพท์กลับมาที่บ้าน พูดคุยกับนายสมิง ผู้เป็นพ่อ สอบถามอาการของลูกชาย ที่ไม่ได้ไปเรียนหนังสือเพราะนอนป่วยเป็นไข้หวัดอยู่ที่บ้าน จากนั้นก็หายเงียบไปไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ชุดสืบสวนยังพบเบาะแสอีกว่า ในวันดังกล่าวนางทองรักออกจากบ้านแต่ไม่ได้ไปทำงาน ซึ่งจะต้องสืบสวนสอบสวนต่อไปว่า ก่อนเสียชีวิตนางทองรักไปอยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร คาดว่าอาจถูกคนร้ายล่อลวงไปเพื่อตกลงอะไรบางอย่าง เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงทำร้ายร่างกายนางทองรักจนเสียชีวิต ก่อนนำศพยัดใส่กล่องมาทิ้งอำพรางคดี ล่าสุดชุดสืบสวนนำบาร์โค้ดบนกล่องเครื่องซักผ้าไปตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิตว่าเครื่องซักผ้าเครื่องดังกล่าวจำหน่ายให้กับร้านไหน พร้อมสืบหาว่านางทองรักขึ้นรถตู้คันไหน เพื่อเป็นแนวทางในการสาวไปให้ถึงตัวคนร้ายต่อไป