พระยัวะถูกห้ามก๊งเหล้า ควงมีดแทงพระคู่กรณี

พระสำนักสงฆ์นั่งก๊งเหล้าในกุฏิ พระคู่หูมาเจอออกปากไล่ เจ้าตัวแค้นกลับไปเอามีด-ไม้ตีตะโพนย้อนมาเจรจา กลับถูกผลักอกจึงใช้อาวุธรุมตี-แทงอาการสาหัส ชาวบ้านล็อกตัวส่งตำรวจจับสึกดำเนินคดี

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 11 เมษายน พ.ต.ท.วรชาติ เหมะ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีพระภิกษุถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส และนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลเชียรใหญ่ พร้อมทั้งได้คุมตัวพระภิกษุที่ก่อเหตุไว้ด้วย เหตุขึ้นที่สำนักสงฆ์สันติธรรมวราราม หมู่ 5 ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ภายในกุฏิของลูกสำนักสงฆ์ดังกล่าว มีร่องรอยการต่อสู้และเลือดหยดทั่วพื้น พบมีชาวบ้านคุมตัวพระภิกษุที่ก่อเหตุรูปหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสภาพอังสะและสบงเปื้อนเลือด มีกลิ่นเหล้าโชยออกมาตลอดเวลา

ส่วนพระภิกษุที่บาดเจ็บทราบชื่อคือ พระสมหมาย แก้วทอง อายุ 45 ปี เป็นพระลูกสำนักสงฆ์ดังกล่าว เบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งจนศีรษะแตกเป็นแผลฉกรรจ์ มือขวาถูกแทงเป็นแผลเหวอะ คมมีดถูกเส้นเลือดและเส้นเอ็นนิ้วมือได้รับบาดเจ็บสาหัส

เจ้าหน้าที่นำตัวพระคู่กรณีมาสอบสวน ทราบชื่อคือ พระบุญเลิศ ศรีทันเดช อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/1 หมู่ 7 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา จึงนำตัวไปลาสิกขา และจากการสอบสวนเบื้องต้น พระบุญเลิศให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนำสุราไปดื่มในกุฏิของพระสมหมาย พอดื่มหมดไป 2 ขวด พระสมหมายไล่ออกมาจากกุฏิ จึงเกิดความโกรธ จึงไปหยิบเอามีดและไม้ตีตะโพนที่โรงธรรม เพื่อจะเจรจากับพระสมหมาย

ทั้งนี้ เมื่อกลับมาถึงพระสมหมายผลักหน้าอกให้ออกไปจากกุฏิ ด้วยความโกรธแค้นจึงใช้ไม้ตีตะโพนตีศีรษะจนพระสมหมายล้มลงและใช้มีดแทงซ้ำแต่พระสมหมายยกมือมารับทำให้คมมีดถูกมือได้รับบาดเจ็บ จากนั้นชาวบ้านที่อยู่ใกล้สำนักสงฆ์เข้ามาดูเหตุการณ์จึงคุมตัวไว้

ด้าน พ.ต.ท.วรชาติ กล่าวว่า หลังจากนำตัวไปลาสิกขาแล้ว ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ ซึ่งดูจากเจตนาแล้วไม่ถึงขั้นพยายามฆ่า และอยู่ในขั้นตอนการขออำนาจศาลฝากขัง ส่วนพระสมหมายที่ได้รับบาดเจ็บนั้น หลังจากรักษาตัวแล้วทราบว่าจำเป็นต้องย้ายไปจำวัดที่อื่น เนื่องจากชาวบ้านไม่ยอมให้จำวัดต่อ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย ขณะนี้ได้ประสานงานวัดแห่งหนึ่งใน อ.ปากพนังแล้ว ส่วนการกระทำที่ผิดวินัยสงฆ์นั้น เป็นเรื่องของทางสงฆ์จะดำเนินการต่อไป