เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 29 ส.ค. พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์
รักษาการ ผบก.ป. แถลงข่าวจับกุมตัวนายวรวิทย์ เมธาสิทธิเดช หรือณัฏฐภาษณ์ เต้าทอง หรือจ๊อกกี้ หรือดนัย อายุ 35 ปี ชาว อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 3551/2547 ลงวันที่ 6 ต.ค. 47
ข้อหา โดยมีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค พร้อมของกลาง เอกสารบริษัททิฐิพล จำกัด บริษัทเอส เค ชาเล้นท์เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ จำนวน 3 เล่ม ตรายาง เครื่องคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก และเครื่องส่งเอกสาร จับกุมได้ในซอยโชคชัย 4 แขวงลาดพร้าว เขตห้วยขวาง กทม.
รวบ18มงกุฎ ต้มร้านทอง
สืบเนื่องจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างทองชินไถ่เฮง (แม่ไฉน) ย่านเยาวราช
เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้สืบสวนติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายร่วมกันหลอกลวงซื้อทองคำแท่ง น้ำหนัก 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,080,000 บาท ผบก.ป.จึงมอบหมายให้ชุดสืบสวน กก.ปพ.บก.ป. สืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี จากการตรวจสอบเอกสารต่างๆที่แก๊งคนร้ายติดต่อไปยังร้านทอง โดยเฉพาะเอกสารบริษัท และบัญชีเงินฝาก พบว่า แก๊งคนร้ายได้ทำทีเป็นตัวแทนบริษัทจดทะเบียนสั่งซื้อทองคำแท่ง คิดเป็นน้ำหนัก 100 บาท นัดหมายจ่ายเป็นเงินสดก่อน
ซึ่งทางแก๊งคนร้ายตกลงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
เมื่อร้านทองนำบัญชีไปตรวจสอบยอดเงิน พบว่า มีการโอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีจริง จึงส่งมอบทองคำแท่งให้ แต่ภายหลังไปเบิกเงิน กลับปรากฏว่า เป็นการโอนเงินจากเช็ค ซึ่งมีแต่ตัวเลข ไม่มีตัวเงินอยู่ในบัญชี และไม่สามารถติดต่อกับผู้ที่ไปซื้อทองได้ เพราะคนร้ายปิดบริษัทหลบหนีไปแล้ว จึงเข้าแจ้งความตำรวจกองปราบฯ
กระทั่งได้เบาะแสเบอร์โทรศัพท์จากหัวกระดาษแฟกซ์ที่ติดต่อกับทางร้านทองผู้เสียหาย จึงสืบสวนขยายผลจนพบพยานเป็นชาย 1 คน และหญิง 2 คน ซึ่งผู้ต้องหาว่าจ้างให้นำชื่อไปจดทะเบียนบริษัท เพื่อใช้ในการหลอกลวงเหยื่อ และสามารถติดตามจับกุมตัว ผู้ต้องหารายนี้ได้ในที่สุด
เบื้องต้นนายวรวิทย์ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า
เป็นผู้ไปติดต่อขอซื้อทองคำจากร้านทองชินไถ่เฮงจริง แต่เป็นเพียงผู้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานเท่านั้น ได้ค่าตอบแทน 20 เปอร์เซ็นต์จากราคาสินค้าที่นำไปจำหน่ายต่อ นอกจากซื้อทองคำแท่งแล้ว ยังเคยติดต่อซื้อสุรายี่ห้อหนึ่งจากบริษัท 2 แห่ง รวม 60 ลัง ในลักษณะเดียวกัน ส่วนการจ่ายเงิน รับสินค้า และจัดหาบริษัทที่จะติดต่อ มีผู้อยู่เบื้องหลังอีก 3 คน เป็นชาย 2 คน และหญิง 1 คน ทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานด้วยกัน สมัยเป็นเซลล์ส์ขายเครื่องกรองน้ำยี่ห้อหนึ่ง ย่านเสนานิคม
ชักชวนให้มาทำงานนี้ด้วยกัน เพราะหลังจากที่บริษัทขายเครื่องกรองน้ำปิดตัวลง
ตนก็หันไปเปิดบริษัทของตัวเองชื่อทิฐิพล ประกอบกิจการค้าน้ำมันเครื่องเก่าอยู่ระยะหนึ่ง แต่กิจการไปไม่รอด เพื่อนทั้ง 3 คน จึงชักชวนให้มาร่วมงานกันโดยเป็นผู้หาบริษัทและรายการสินค้าให้ตนไปติดต่อเท่านั้น ที่ผ่านมาได้เงินค่าตอบแทนจากการติดต่อซื้อสินค้ามาแล้วรวมทั้งสิ้นประมาณ 3 แสนบาท
จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นอกจากนายวรวิทย์จะมีหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 3551/2547 ลงวันที่ 6 ต.ค. 47 ข้อหาร่วมกันออกเช็คเพื่อชำระหนี้ โดยมีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ท้องที่ สน.ห้วยขวางแล้ว ยังมีหมายจับติดตัวอีกกว่า 27 คดี ทั้งหมดเป็นหมายจับข้อหาเกี่ยวกับความผิดทางทรัพย์ทั้งสิ้น เหตุเกิดทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล
ภายหลังสอบสวนเบื้องต้นแล้ว
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวรวิทย์ส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีตามหมายจับคดีเช็ค ก่อนจะอายัดตัวให้พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เจ้าของท้องที่เกิดเหตุในคดีห้างทองชินไถ่เฮง (แม่ไฉน) ดำเนินการต่อไป ส่วนพยานในคดีนี้ 3 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวส่ง สน.ชนะสงคราม เพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป เนื่องจากมีร้านทองอีกแห่งที่ผู้ต้องหารายนี้ไปติดต่อหลอกซื้อทองคำแท่งน้ำหนัก 100 บาทมาแล้ว และซัดทอดว่าทั้ง 3 คนร่วมกระทำผิดด้วย