เคยฆ่าตัวตาย! สาวเบลเยี่ยมเข้าลัทธิดัง/กองปราบฯลงสางคดี

เคยฆ่าตัวตาย! สาวเบลเยี่ยมเข้าลัทธิดัง/กองปราบฯลงสางคดี

ผบ.ตร.สั่งทีมกองปราบฯลงพื้นที่คลี่ปม"สาวเบลเยียม"ดับปริศนา คุ้ยหาหลักฐาน-พยานบุคคล-ไล่วงจรปิด ด้านรองผู้การสุราษฎร์ฯสั่งตำรวจพื้นที่หาหลักฐานลงมือเองหรือคนอื่นทำ เผยผู้ตายเข้าลัทธิ"สาอี บาบา"จิตซึมเศร้ามีประวัติโดดให้รถไฟชนหวังฆ่าตัวตายมาแล้ว เร่งหาตัวหัวหน้าชาวเยอรมันบนเกาะพงัน

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ลงพื้นที่เกาะเต่า เพื่อร่วมคลี่ปมปริศนา ในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.เอลีส ดัลเลมานจ์ วัย 30 ปี นักท่องเที่ยวสาวชาวเบลเยียม ซึ่งญาติและครอบครัวตั้งข้อสงสัยว่า น.ส.เอลีส อาจจะไม่ได้ผูกคอฆ่าตัวตายเอง ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่สรุปคดีแล้ว

ส่ง"กองปราบ"คลี่ปม"สาวเบลเยียม"ดับ

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.60 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ลงพื้นที่ไปคลี่คลายข้อสงสัยในคดีดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

ป.ลุยคุ้ยหลักฐาน-เช็ควงจรปิด

ขณะที่ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก บก.ป.ว่า พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป.ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. , พ.ต.ท.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา , พ.ต.ท.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ และ พ.ต.ท.ชัยฎิภูมิ อำนวยชัย รอง ผกก.5 บก.ป.จัดกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่คลี่คลายคดีดังกล่าว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีรายงานว่าชุดสืบสวน บก.ป.จะไล้ตรวจสอบพยานบุคคล หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อคลี่คลายคดี

ไม่มีใครพบกระเป๋าผู้ตายที่ท่าเรือ

นอกจากนี้ ยังเตรียมตรวจสอบประเด็นกระเป๋าเสื้อผ้าของผู้ตาย ที่ทางครอบครัวตั้งข้อสงสัย หลังพบว่าพบกระเป๋าเสื้อผ้าผู้ตายโดยสารมาบนเรือ หลังการเสียชีวิต แต่จากการตรวจสอบบริเวณท่าเรือไม่มีใครยืนยันว่าพบเห็นกระเป๋าเดินทางของผู้ตายจริงตามที่เป็นข่าว โดยตำรวจเข้าตรวจสอบใบรับฝากของจากบริษัทเรือก็ไม่พบหลักฐานการฝากสิ่งของในช่วงเวลาดังกล่าว

รพ.ตร.ชี้ไม่พบชื่อในสารบบ

ด้าน พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ทางแทพย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้ส่งรายงานการตรวจศพไปให้พนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่า แล้ว ส่วนที่มีการนำเสนอข่าวว่าไม่พบชื่อศพ น.ส.เอลิส ในระบบการรับศพของสถาบันนิติเวชนั้น อาจเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยปกติแล้วการค้นหาชื่อในสารบบ ถ้ากรอกชื่อไม่ตรงจะไม่ปรากฏชื่อ หรือชื่อที่ต้องการค้นหากับชื่อที่ระบบในรายงานการส่งศพไม่ตรงกัน ก็จะหาไม่เจอเช่นกัน

"ในกรณีนี้ชื่อที่ปรากฏตามข่าว คือ น.ส.เอลีส ดัลเลมานจ์ แต่ชื่อที่มูลนิธินำศพมาส่งชื่อ น.ส.เอลิเซ่ โซฟี วินซีน เอ็นมานูเอล ดาเลเมกเน่ ทำให้เมื่อตรวจสอบในตอนแรกไม่พบ ขณะเดียวกันเป็นไปได้ว่าระหว่างที่สื่อตรวจสอบเป็นช่วงการรีเซ็ตระบบค้นหาประจำวัน ทำให้เมื่อกรอกข้อมูลท้องที่ที่ส่งศพก็ไม่พบข้อมูลอีก จึงเกิดการเข้าใจผิด โดยในรายงานการส่งศพ น.ส.เอลีส ระบุว่าส่งมาวันที่ 2 พ.ค.แต่นิติเวชได้รับศพวันที่ 4 พ.ค.เวลา 04.15 น.จึงตรวจหาในระบบไม่พบ" พล.ต.ต.นพ.พรชัย กล่าว

สอบผูกคอเองหรือคนอื่นทำ

ส่วน พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี (รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี) รับผิดชอบงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบสำนวนการสอบสวน พร้อมกับได้เรียกพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเข้าพบ เพื่อให้แนวทางประเด็นสอบสวนเพิ่มเติม โดยเน้นให้มีการสอบสวนในประเด็นที่เป็นข้อสงสัยตามที่ปรากฏเป็นข่าวของสื่อมวลชน ส่วนที่มีการเสนอข่าวว่าสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ แจ้งว่าไม่มีการนำส่งศพผู้เสียชีวิตไปตรวจชันสูตรนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยหนังสือรายงานผลการชันสูตรของโรงพยาบาลตำรวจ อยู่ในสำนวนการสอบสวนแล้ว

"แพทย์โรงพยาบาลตำรวจระบุเพียงว่าขาดอากาศหายใจ ผูกคอ ซึ่งคำว่าผูกคอตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ เป็นสาเหตุของการขาดอาการหายใจ แต่ไม่ได้ลงความเห็นว่าผูกคอนั้น เป็นการผูกด้วยตัวเอง หรือผู้อื่น พนักงานสอบสวนจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อบ่งชี้ว่าเป็นการกระทำด้วยตัวเอง หรือถูกผู้อื่นกระทำ" พ.ต.อ.วิชอบ กล่าว

พบร่วมลัทธิย่อยของอินเดีย

นอกจากนี้ มีรายงานว่าชุดสืบสวน สภ.เกาะเต่า ได้ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยพบว่าก่อนที่ น.ส.เอลีส จะเดินทางมายังเกาะเต่า และเสียชีวิตนั้น น.ส.เอลีส เคยมาเที่ยวและอยู่บนเกาะพะงัน ประมาณ 1 ปีเศษ โดยจะมาอยู่กับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความเชื่อในลัทธิสัตยะ สาอี บาบา ซึ่งเป็นลัทธิย่อยในประเทศอินเดีย โดยผู้ที่เข้าร่วมลัทธิประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ จึงเข้าร่วมเพื่อบำบัด

ใช้ชื่อปลอมเข้าพักบังกะโล

อีกทั้ง พบว่า น.ส.เอลีส มีกำหนดเดินทางกลับประเทศเบลเยียม วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เปลี่ยนใจมายังเกาะเต่า และเข้าพักที่บังกะโลแห่งหนึ่งบริเวณอ่าวแม่หาด ในวันที่ 19 เม.ย.โดยใช้ชื่อปลอมว่า เอลิส ดูเบียส และเป็นวันเดียวกับบังกะโลที่พักเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดย น.ส.เอลีส วิ่งหนีหายไป มีพยานพบเห็นว่าไปเข้าพักที่บังกะโลบริเวณอ่าวโตนด ใกล้กับจุดพบศพ และมีการจองตั๋วเรือเดินทางกลับวันที่ 24 เม.ย.แต่ไม่ได้เดินทาง จนมีผู้มาพบเป็นศพผูกคอตายกับต้นไม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปพบศพในสภาพเสียชีวิตแล้ว 3 - 4 วัน โดยศพที่พบมีสภาพสมบูรณ์ทั้งตัว แต่เสียชีวิตมาแล้วหลายวัน จึงมีสภาพเน่า

แม่เผยเคย"ฆ่าตัวตาย-บำบัดจิต"

ชุดสืบสวนยังทราบว่าก่อนเสียชีวิตแม่ของ น.ส.เอลีส เคยแจ้งต่อสถานทูตว่า ลูกสาวเคยมีความพยายามจะฆ่าตัวตายมาแล้ว โดยพยายามกระโดดให้รถไฟชน ซึ่งทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างออกหาข้อมูลและตรวจสอบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ใด นอกจากนี้ยังเตรียมประสานกับทางสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อขอประวัติการรักษาของผู้ตาย หลังจากทราบว่าเคยเข้าไปรับการบำบัดจิตเวชที่สถาบันฯ แห่งนี้

เร่งหาตัวชายเยอรมันหัวหน้าลัทธิ

ทั้งนี้ สมาชิกของกลุ่มลัทธิสัตยะ สาอี บาบา หรือ ไส บาบา ที่มีสภาพจิตซึมเศร้า และมีปัญหาส่วนตัว จึงมาเข้ากลุ่มบำบัด โดยกลุ่มลัทธิดังกล่าวมีหัวหน้ากลุ่มเป็นชาวเยอรมัน มีสมาชิกอยู่บนเกาะพะงัน ซึ่งผู้ตายลาออกจากกลุ่มเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ก่อนเดินทางมาเกาะเต่า และเสียชีวิต ซึ่งฝ่ายแม่ของผู้ตายอยากให้ตำรวจช่วยติดตามหาตัวชายชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มลัทธิดังกล่าวเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

สื่อนอกเผยดับปริศนาเป็นรายที่7

อีกด้านหนึ่ง "เดอะมิร์เรอร์" สื่อแทบลอยด์ของอังกฤษ รายงานเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า น.ส.เอลีส ถือเป็นชาวต่างชาติที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำที่ "เกาะเต่า" เป็นรายที่ 7 โดยตำรวจไทยแจ้งว่าสาเหตุการเสียชีวิตเป็นการแขวนคอตาย แต่นางมิเชล ฟาน เอ็กเตน แม่ของ น.ส.เอลีส ไม่เชื่อว่าลูกสาวของตนฆ่าตัวตาย และร้องเรียนผ่านสื่อว่าอาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น

ส่วนกรณีชาวต่างชาติรายอื่นๆที่เสียชีวิต โดยเกี่ยวข้องกับ "เกาะเต่า" ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้แก่

 1.คดีนายเดวิด มิลเลอร์ และ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ ซึ่งถูกฆาตกรรมเมื่อเดือน ก.ย.2557

 2.คดีนายซูเตอร์ ฮานส์ปีเตอร์ ชาวสวิส หายตัวไปจากเกาะเต่าเมื่อเดือน พ.ย.2557 และภายหลังสืบทราบว่าจมน้ำ และถูกคลื่นซัดไปเกยหาดที่ จ.ชุมพร 

3.คดี น.ส.คริสตินา อันส์ลีย์ ชาวอังกฤษ วัย 23 ปี เสียชีวิตในห้องพักแห่งหนึ่งที่หาดทรายรี บนเกาะเต่าเมื่อวันที่ 21 ม.ค.2558 

4.นายลูค มิลเลอร์ ชาวอังกฤษ ถูกพบเป็นศพในสระน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะเต่า ในเดือน ม.ค.2559 และ

 5.น.ส.วาเลนตินา โนวอเชินโนวา ชาวรัสเซีย ซึ่งมาดำน้ำที่เกาะเต่า และหายตัวไปตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

CR:: naewna.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์