ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่กระทรวงยุติธรรม นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี อาชีพวิศวกร พร้อมด้วย นางอภิญญา โภชนสมบูรณ์ ภรรยา เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ดุษฏี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านคดีความหลังทราบข่าวว่าอัยการจังหวัดชลบุรี จะสั่งฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าอัยการจังหวัดชลบุรีว่าจะสั่งฟ้องตน ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนมาให้อัยการ จึงเข้าใจไปเองว่าอัยการจะสั่งฟ้องในข้อหาดังกล่าวจริง ในฐานะคนธรรมดาก็มีสภาพจิตใจย่ำแย่ ครอบครัวได้รับผลกระทบ แม่ที่ป่วยอยู่ก็รู้สึกแย่ เพราะเป็นข้อหาที่รุนแรงเกินไป ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนก็ได้มอบตัวทันทีและสิ่งที่ทำไปก็เพื่อปกป้องครอบครัว จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม วันนี้จึงมาขอความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรมให้พิจารณาและช่วยแนะนำด้านคดี เนื่องจากตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ทั้งนี้ยอมรับในข้อหาพกพาและใช้อาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง นอกจากนั้นยังไม่เคยไปร้องขอความเป็นธรรมจากอัยการสูงสุด โดยคดีนี้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2560 และพนักงานอัยการนัดหมายฟังคำสั่งคดีในวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ไปพบอัยการตามนัดแต่ได้เลื่อนการสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 29 มิ.ย.นี้
ขณะนางอภิญญา ภรรยานายสุเทพ กล่าวว่า เราปฏิบัติตามวินัยจราจร ขณะที่คู่กรณีไม่ได้ปฏิบัติตาม แต่ข่าวที่ออกมากลายเป็นว่าครอบครัวเราไม่มีน้ำใจ
ด้านพ.ต.อ.ดุษฎี เปิดเผย ภายหลังนายสุเทพและนางอภิญญา เข้าพบว่าตนได้ให้คำแนะนำข้อกฎหมายกับนายสุเทพและครอบครัว การที่นายสุเทพมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ทางฝ่ายคู่กรณีก็ได้รับความสูญเสียเช่นกันและสามารถมาร้องที่กระทรวงยุติธรรมได้ ซึ่งข้อหาดังกล่าวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้พิพากษา ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและต้องมีความเป็นกลาง
อย่างไรก็ตามได้เตือนนายสุเทพไปว่าไม่ควรให้ข่าวตลอดเวลาโดยเฉพาะสื่อโซเซียล เพราะการเผยแพร่ข้อมูลหลักฐานทั้งที่เป็นพยานหลักฐานที่สามารถนำมาใช้เป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่ได้นั้น มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบทางกฎหมาย สำหรับตนเห็นว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเป็นกลางและมีการตั้งข้อกล่าวหาทั้งสองฝ่าย