“อัยการ-ตร.”ล่าตัว”บอส”ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง

“อัยการ-ตร.”ล่าตัว”บอส”ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง

อัยการมั่นใจติดตามตัว "บอส วรยุทธ อยู่วิทยา" ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง กลับมาดำเนินคดีได้ก่อนขาดอายุความ


ที่สำนักงานอัยการคสูงสุด ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามตัวนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กรณีขับรถยนต์หรชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 แล้วหลบหนีไม่มาตามนัดหมายของอัยการในการส่งฟ้องคดี ว่าได้หารือร่วมกับพลตำรวจตรีอภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะทำงาน ในการจัดทำเอกสารเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งต้องใช้เอกสารจำนวนมาก และต้องทำเอกสารให้ละเอียดเพื่อป้องกันความผิดพลาด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำร้องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรายละเอียดที่อยู่ของผู้ต้องหามาประกอบเท่านั้น รวมถึงร่วมกันหารือกรอบแนวทางการปฎิบัติด้วย

ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่าในที่ประชุมได้มีการหารือกับตำรวจกองการต่างประเทศ ถึงรายละเอียดการประสานกับตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล รวมถึงการยืนยันแหล่งที่อยู่ว่ายังอยู่ที่ประเทศอังกฤษหรือไม่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจงเนื่องจากอาจส่งผลต่อขั้นตอนการปฎิบัติงาน

ส่วนการติดตามตัวนายวรยุทธกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยจะสามารถติดตามตัวได้ก่อนที่บางข้อหาจะขาดอายุความในวันที่ 3 กันยายนนี้ หรือไม่ นายประยุทธ อัยการและตำรวจซึ่งเป็นคณะทำงานมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง และประชุมหารือกันอย่างเข้มข้นร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ถือเป็นเครื่องยืนยันที่จะให้ความมั่นใจได้ว่าจะติดตามตัวนายวรยุทธ กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยได้ก่อนคดีจะขาดอายุความ โดยที่ประชุมมีการพูดคุยว่าจะต้องเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในเงื่อนไขเวลา

สำหรับการติดตามตัวนายวรยุทธ หรือบอส นั้น เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา ที่อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ประสานพนักงานสอบสวนทองหล่อให้ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาฟ้องเมื่ออัยการ ยืนยันคำสั่งให้ฟ้องนายวิทยา 2 ข้อหา ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท อายุความ 15 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 3 กันยายน 2570


และข้อหาและขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย และไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานในทันที หรือ ชนแล้วหนี ตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 5,000-20,000 บาท อายุความ 5 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 3 กันยายน ปีนี้

Cr:::matichon.co.th

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์