เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ส.ค. ร.ต.ท.ยุทธศิลป์ การินทร์ ร้อยเวร สน.บางนา ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคาร แห่งประเทศไทยหรือ ธปท. ว่า
ขณะนี้มีคนร้ายกำลังปีนรั้วบ้านตน ซึ่งอยู่เลขที่ 99 ซอยแบริ่ง แยกสุขุมวิท 107 แขวงและเขตบางนา กทม. เข้ามาโจรกรรมทรัพย์สิน ขอให้ตำรวจนำกำลังไปช่วยเหลือด่วนก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป และในบ้านมีเพียงสาวใช้ซ่อนตัวอยู่ 1 คน เมื่อได้ยินดังนั้น ร.ต.ท.ยุทธศิลป์จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นทราบ จนถึง พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.5 จากนั้น จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.จักรภัณฑ์ จันทรอุทัย สว.สส. และกำลังฝ่ายสืบสวน ฝ่ายปราบปราม และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานรุดเดินทางไปยังบ้านดังกล่าวทันที
สาวใช้ล้วงตับ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ
เมื่อตำรวจไปถึงก็พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นทรงยุโรปสีขาว 2 ชั้น
เนื้อที่ราว 400 ตารางวา มี นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนรอตำรวจอยู่ก่อนแล้ว ตำรวจจึงเข้าไปสอบถามผู้ว่าฯธปท.ในเบื้องต้นก็ทราบว่า ขณะที่นางธาริษาทำธุระอยู่นอกบ้าน มี น.ส.เด็ดสุดา จังกะชาตุ สาวใช้ เป็นชาวจังหวัดนครพนม โทรศัพท์มาแจ้งว่ามีคนร้ายปืนเข้าบ้าน จึงตกใจแจ้งตำรวจทันที ตำรวจจึงขอสอบสวน น.ส.เด็ดสุดาเพื่อขอทราบรายละเอียดการประทุษร้ายต่อทรัพย์สินครั้งนี้
น.ส.เด็ดสุดา สาวใช้ซึ่งมีบุคลิกหน้าตาคล้ายชาวลาว เล่าว่า
เมื่อเวลาประมาณ 10 นาฬิกา ขณะตนยืนรีดผ้าอยู่ที่ชั้นล่าง ก็มีชายฉกรรจ์ปีนรั้วบ้านเข้ามาอย่างอุกอาจ ตนก็ตกใจรีบทิ้งเตารีดวิ่งเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำเพื่อรอดูท่าทีของคนร้ายนาน 30 นาที จนคาดว่าคนร้ายคงหลบหนีไปแล้ว ก็รีบเปิดประตูออกมาสำรวจทรัพย์สิน แล้วโทรศัพท์แจ้งผู้ว่าฯทันที ตำรวจทราบดังนั้นก็รีบระดมกำลังออกสำรวจพื้นที่รอบบริเวณบ้าน ก็ไปพบร่องรอยคนร้าย จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า คำบอกเล่าของสาวใช้ อาจจะไม่เป็นเรื่องจริง
ต่อมาตำรวจจึงขอค้นห้องพักของสาวใช้ก็ไม่พบอะไร
จนกระทั่งขอดูตะกร้าผ้าที่เตรียมนำมารีด ก็พบถุงหิ้วพลาสติกขนาดเล็กซุกซ่อนอยู่ด้านล่างสุด พอเปิดออกมาจึงพบว่ามีทรัพย์สินของนางธาริษาคือ นาฬิกาโรเล็กซ์ เลดี้ไซด์ 1 เรือน กับชุดสร้อยราตรีมีทั้งเพชรและทอง ประกอบด้วยสร้อยคอ ต่างหู แหวนเพชร และสร้อยข้อมือ รวมราคาเกือบ 4 แสนบาท และเงินสดเป็นธนบัตรชนิด 1 พันบาท อีกรวม 16,000 บาท
ซึ่งระหว่างตรวจค้น น.ส.เด็ดสุดาถึงกับยืนตัวเกร็งหน้าซีด
ก่อนจะยอมรับกับตำรวจหลังถูกสอบเค้นว่า ทรัพย์สินดังกล่าวตนเป็นคนโจรกรรมมาจากโต๊ะเครื่องแป้งที่ห้องนอนของเจ้านายตนเอง ไม่มีเหตุคนร้ายปืนบ้านดังที่แจ้งแต่อย่างใด ซึ่งนางธาริษาดูของกลางแล้วถึงกับตกใจ และให้ตำรวจดำเนินคดีทันที
ตำรวจยังพบว่า น.ส.เด็ดสุดา สาวใช้ ได้พกบัตรประชาชนปลอม แท้จริงแล้วเป็นสาวชาวสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ที่ลักลอบหนีเข้าเมืองแล้วสมัครงานผ่านตัวแทนมากรุงเทพฯจนได้ทำงานบ้านผู้ว่าฯ ธปท. จึงดำเนินคดีอาญาฐานลักทรัพย์นายจ้าง ใช้เอกสารราชการปลอม และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองต่อไป สำหรับนางธาริษา เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่เป็นหญิงคนแรกและคนเดียว
ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นลูกหม้อธนาคารแห่งประเทศไทยมาโดยตลอด นานกว่า 30 ปี จากนั้นก็เจริญก้าวหน้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ จนเดือน ต.ค.2549 เมื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการฯไปร่วมรัฐบาล ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นางธาริษาจึงขยับมาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแทนที่ทันที