ถือว่าปิดฉากความโหดเหี้ยมของพันตำรวจเอกนายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ที่เป็นถึงแพทย์ผู้ช่วยชีวิต และเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลับก่อเหตุฆ่าโหดคนงานในไร่ของตัวเองได้อย่างเลือดเย็น ซ้ำยังพยายามหลบหนีโทษที่ตัวเองต้องได้รับ แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของกฎหมาย เพราะแม้จะหลบหนีคำพิพากษาไปนาน 2 ปี แต่สุดท้ายก็ถูกตามจับกุมได้ และถูกส่งตัวกลับมารับโทษในที่สุด เราจะย้อนเหตุการณ์ฆาตกรรมโหดของ หมอสุพัฒน์ ในครั้งนี้จากรายงาน
เหตุการณ์ฆาตกรรมสะเทือนขวัญครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2555 หลังจากตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี เข้าจับกุม พันตำรวจเอกนายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ หลังมีหลักฐานเชื่อได้ว่าพัวพันกับการหายไปของ 2 สามีภรรยาชาวเพชรบุรี ซึ่งพ่อของผู้สูญหาย พบรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บฉ-5960 เพชรบุรี ของลูกชายจอดอยู่ในบ้านหลังเก่าใน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ที่หมอสุพัฒน์ และครอบครัว เคยอยู่อาศัยมาก่อน
จากการสอบสวนยังพบว่าก่อนที่ 2 สามีภรรยาจะหายตัวไป เคยมีเรื่องขัดแย้งกับหมอสุพัฒน์เกี่ยวกับที่ดินซึ่งอยู่ติดกัน และยังคาดว่า 2 สามีภรรยาอาจจะถูกฆาตกรรม ฝังดิน แต่การเข้าตรวจค้นไร่ของหมอสุพัฒน์ใน จ.เพชรบุรี กลับพบโครงกระดูก 3 ศพ ที่ตรวจดีเอ็นเอแล้วไม่ตรงกับสองสามีภรรยาผู้สูญหาย แต่หนึ่งในนั้นกลับเป็นศพของนายอีต้าร์ ชาวเมียนมาร์ คนงานในไร่ของหมอสุพัฒน์ ที่หายไปตั้งแต่ปี 2547
สิ่งที่น่าตกใจ คือคำให้การของ 2 คนงานในไร่หมอสุพัฒน์ พยานปากสำคัญที่ยืนยันว่า หมอสุพัฒน์ สั่งตายนายอีตาร์ ด้วยการใช้ปืนจ่อยิงแล้วขุดหลุมฝัง เพราะไม่พอใจที่คนงานหนุ่ม สนิทสนมกับ นางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่สามของหมอสุพัฒน์ โดยมีนายเอก และนายอัคร เลาหะวัฒนะ ลูกชายสองคนของหมอสุพัฒน์ร่วมก่อเหตุ
หมอสุพัฒน์และพวกถูกแจ้งข้อหาใน 3 คดีหลักคือ ค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพ กระทั่ง ปี 2558 ศาลจังหวัดเพชรบุรีพิพากษาให้จำคุก หมอสุพัฒน์ 5 ปี ในคดีลักทรัพย์รถยนต์ ของสองสามีภรรยา หมอสุพัฒน์ ยื่นขอประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ก่อนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนนางสาววิลสา ถูกจำคุก 3 ปี 4 เดือน คดีค้ามนุษย์ และให้ชดเชยค่าสินไหมทดแทน 1 ล้านบาท
ส่วนคดีฆาตกรรมนายอีต้าร์ ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ให้ประหารชีวิตหมอสุพัฒน์ และให้จำคุกลูกชายสองคน 25 ปี ซึ่งหมอสุพัฒน์ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หมอสุพัฒน์ ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นการสะกดรอยของ ตำรวจภูธรเพชรบุรี ที่สืบทราบว่าหมอสุพัฒน์ กบดานที่แนวชายแดนฝั่งประเทศเมียนมาร์ กระทั่งสามารถตามจับกุมได้ ก่อนประสานตำรวจเมียนมาร์ส่งตัวกลับมาชดใช้โทษในไทยในที่สุด