นักธุรกิจอังกฤษโวย! ถูกมอมยาคาโรงแรมหรู

นักธุรกิจอังกฤษโวย! ถูกมอมยาคาโรงแรมหรู

นาย KAMAL KARIM ชี้ให้ดูตู้เซฟที่ถูกสองคนร้ายเปิดเอาเงินไปได้

นักธุรกิจชาวอังกฤษโวย ถูก 2 สาวไทยมอมยาเชิดเงินไปกว่า 2 แสนบาท ในห้องนอนโรงแรม แจ้งตำรวจแล้ว แต่โรงแรมไม่ให้ความร่วมมือและไม่แสดงความรับผิดชอบ ทั้งที่มีหลักฐานทางกล้องวงจรปิด
       
       วันนี้ (24 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า มีชาวต่างชาติถูกมอมยาลักทรัพย์ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ ถนนดำรงรักษ์ แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบผู้เสียหายชื่อนาย KAMAL KARIM อายุ 40 ปี สัญชาติอังกฤษ พักอาศัยอยู่ที่ห้องเลขที่ 31402 ชั้น 14 ตึกซี ของโรงแรมดังกล่าว
       
       นาย KAMAL KARIM เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านหุ้นส่วนสาวชาวไทย ว่า ตนเองเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน เพื่อเข้ามาลงทุนทำโรงงานผลิตเสื้อผ้าไหมแบรนด์เนมยี่ห้อ KALI FASHION ส่งออกขายไปทั่วโลก โดยได้เข้ามาพักที่ห้องดังกล่าวของโรงแรม จนกระทั่งเมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนเองไปเที่ยวพักผ่อนที่ร้านเรดิโอซิตี้ ผับ ย่านถนนสีลม ก็ได้มีผู้หญิงชาวไทย 2 คน คนแรกรูปร่างอ้วนเตี้ย อายุราว 50 ปีเศษ สูงประมาณ 155 ซม.แต่งกายสวมเสื้อสีฟ้า กางเกงขา 4 ส่วน สีดำ ส่วนอีกคนรูปร่างอ้วนเตี้ยเช่นเดียวกัน อายุราว 40 ปีเศษ สูงประมาณ 150 ซม.แต่งกายสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีครีม เข้ามาตีสนิทกับตน โดยทั้งคู่พูดภาษาอังกฤษคล่องมาก
       
       นาย KAMAL กล่าวต่อว่า ขณะที่นั่งคุยกันนั้น ตนได้แนะนำตัวว่า เป็นนักธุรกิจจะเข้ามาหาแหล่งผ้าไหม และโรงงานผลิตเสื้อผ้า หญิงทั้งสองคนก็อ้างกับตนว่า เป็นเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้าในประเทศไทย สามารถหาแหล่งผ้าไหมให้ได้ พร้อมทั้งนำตัวอย่างผ้าไหมมาให้ตนดู ตนจึงนั่งคุยปรึกษาเรื่องธุรกิจกับผู้หญิงทั้งสองคนจนเกือบเช้ามืด จากนั้นผู้หญิงทั้งสองคนก็ได้ขอเดินทางมาที่ห้องพักตน เพื่อขอดูตัวอย่างผ้าของตนที่เก็บไว้ที่ห้อง เพื่อจะได้แนะนำแหล่งผ้าให้ตนได้
       
       นาย KAMAL กล่าวอีกว่า เมื่อมาถึงที่ห้องพักเวลาประมาณ 05.40 น.ก็ได้หยิบน้ำมาเทใส่แก้ว 3 ใบ ให้ตนเองและผู้หญิงทั้งสองคน ก่อนที่จะขอตัวเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ เมื่อออกมาก็ดื่มน้ำในแก้วตนเอง แต่ผ่านไปเพียงแค่ 5 นาที เท่านั้นตนก็สลบไปทันทีไม่รู้สึกตัวอีกเลย จนกระทั่งมารู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น.ของวันเดียวกัน แต่ก็เนื้อตัวชาไม่สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรได้ จากนั้นก็สลบต่อไปจนถึงเวลาประมาณ 14.00 น.วานนี้ (23 ส.ค.) ก็รู้สึกตัวขึ้นมา ซึ่งตนก็ต้องตกใจเพราะว่า ตู้เซฟในตู้เสื้อผ้า ซึ่งตนเก็บเงินไว้เป็นจำนวนมากถูกเปิดออก และเงินสดที่เก็บไว้ แบ่งเป็นเงินไทยจำนวน 120,000 บาท เงินอังกฤษ จำนวน 550 ปอนด์ เงินสหรัฐอเมริกา จำนวน 250 ดอลลาร์ และเงินยูโร จำนวน 500 ยูโร รวมประมาณ 200,000 บาท ถูกขโมยหายไปหมด ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งผู้จัดการโรงแรม กับเพื่อนชาวไทยที่จะมาร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกัน
       
       "เซฟที่ใส่เงินเป็นของโรงแรม แต่ไม่ยอมรับผิดชอบ เพราะผมรู้รหัสเปิดเซฟเพียงคนเดียว ไม่ทราบว่า ผู้หญิงทั้งสองคน เปิดเซฟเอาเงินไปได้อย่างไร" นาย KAMAL กล่าว
       
       นาย KAMAL กล่าวต่อว่า เมื่อทางผู้จัดการโรงแรมรู้เรื่องก็พาตนไปแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง ในเวลา 18.00 น.แต่ตนก็ไม่รู้เรื่องว่า ทางผู้จัดการโรงแรมคุยอะไรกับตำรวจบ้าง แต่ตนก็ไม่อะไรกลับมาเลย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ได้มาตรวจสอบลายนิ้วมือของคนร้ายด้วย นอกจากนี้ เมื่อหุ้นส่วนตนเข้ามาคุยกับผู้ช่วยผู้จัดการของโรงแรม เพื่อขอดูภาพผู้หญิงทั้งสองคนจากวิดีโอวงจรปิดก็ไม่ยอมให้ จนมาปรินต์ภาพขาวดำออกมาให้ภายหลัง อีกทั้งยังบอกว่า ตนพาผู้หญิงทั้งสองคนมาร่วมหลับนอน และทรัพย์สินตนหายไปเพียงแค่ 20,000 บาท เท่านั้น จนช่วงเช้าวันนี้ (24 ส.ค.) ประมาณ 08.00 น.ตนเองก็พยายามจะเข้าไปขอคุยกับกรรมการผู้จัดการของโรงแรม เพื่อพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอ้างว่า งานยุ่งมากไม่สามารถมาคุยด้วยได้ จนช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.ตนเองก็ให้เพื่อนสาวที่เป็นหุ้นส่วนโทรศัพท์ไปแจ้งที่ สน.นางเลิ้ง อีกรอบ จึงมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบห้องพักที่เกิดเหตุของตน
       
       ผมยืนยันว่า ไม่ได้พาผู้หญิงทั้งสองคนมาร่วมหลับนอน เพราะทั้งสองคนอ้างว่าจะช่วยเหลือทางธุรกิจของผม ผมเลยพาเขามาดูตัวอย่างผ้าที่ห้อง ซึ่งผมอยากจะให้ทางโรงแรมรับผิดชอบในการช่วยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว และนำเงินมาคืนผม ไม่ใช่ไม่รับผิดชอบอะไรเลย นอกจากนี้ ช่วงที่ตำรวจมาถึงโรงแรม พนักงานก็พยายามกันเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ขึ้นมาที่ห้องพัก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร อีกทั้งยังพยายามขอร้องไม่ให้หนังสือพิมพ์ลงข่าวด้วย นาย KAMAL กล่าว
       
       ด้าน พ.ต.ท.เฉลิมชัย วงษ์เจียม พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.นางเลิ้ง ที่เข้ามาตรวจสอบห้องพักที่เกิดเหตุเปิดเผยว่า คดีนี้ ทาง ร.ต.ต.ธนสาร บำรุงกิจ พนักงานสอบสวน (สบ1) เป็นเจ้าของคดี ตนเพียงแค่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันนี้เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวน ว่า เงินของผู้เสียหายได้หายไปจริงหรือไม่ ถ้าหายจริงก็มีผู้ต้องสงสัย 2 ราย คือ ผู้หญิง 2 คน ที่ผู้เสียหายพามาที่ห้อง ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า เข้ามาที่ห้องเวลา 05.40 น.และออกไปเวลา 07.06 น.และอีกราย คือ พนักงานของโรงแรมที่อาจจะเข้าไปขโมยเงินก็เป็นได้ เพราะจากการตรวจสอบห้องพักที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการงัดแงะอะไรเลย
       
       พ.ต.ท.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ต้องรอให้ทางโรงแรมกับผู้เสียหายตกลงกันก่อน ว่า ทางโรงแรมจะรับผิดชอบอะไรหรือไม่ หากไม่รับผิดชอบทางตำรวจก็จะรับคดีไว้ จากนั้นก็จะนำรูปผู้หญิงทั้งสองคนจากวงจรปิดไปตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนทำการอนุมัติออกหมายต่อไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์