นายขุนทอง รับสารภาพว่า ตนเองนั้นเกิดความเครียดสะสมมานานหลายเดือนแล้ว เนื่องจากพยายามตามง้อภรรยาที่กลับไปอยู่บ้านที่ลำปางให้กับมาคืนดีกัน และมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาไม่ยอมคืนดีด้วย ซึ่งที่ผ่านมาราวๆ 1 อาทิตย์ ดื่มสุราอย่างหนักจนไม่ได้ออกไปทำงาน กระทั่งในคืนเกิดเหตุนั้นลูกชายกำลังนอนหลับอยู่ ตนที่ทั้งเมาและทั้งเครียดหนัก จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนลูกซองยาวที่เพื่อนนำมาฝากไว้ ยิงศีรษะลูกชาย 1 นัด แล้วก็พยายามใช้อีกนัดที่เหลือยิงตัวเองตายตามลูกชายไป แต่เนื่องจากเป็นปืนลูกซองยาวและตัวเองเป็นคนไม่สูง จึงต้องใช้ด้ามปืนวางกับพื้นแล้วเหนี่ยวไกด้วยเท้า ทำให้ลูกปืนเฉี่ยวคางไปเป็นบาดแผล
จากนั้นจึงออกไปหน้าบ้านแล้วก็ใช้มีดแทงตัวเอง ก่อนที่จะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้
นายขุนทอง ยังเปิดอกพูดถึงลูกชายด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า หัวอกคนเป็นพ่อใครๆ ก็ต้องรักลูกในไส้ของตนเอง แต่ที่ทำลงไปเพราะความเครียดเรื่องครอบครัวล้วนๆ ซึ่งตนเองก็อยากจะบอกกับดวงวิญญาณลูกชายว่า พ่อรักลูกมาก พ่อขอโทษ และถ้ามีโอกาสไปกราบขอขมาศพได้ก็จะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยพาไป
ด้าน พ.ต.ท.สมรภูมิ สุขโพธิ์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาครนั้น หลังจากสอบปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตั้งข้อกล่าวหาแก่นายขุนทอง ขันจำนงค์ ผู้ต้องหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทั้งนี้ทางตำรวจ ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่อาจจะพาไปกราบขอขมาเมื่อทางญาติรับศพจากโรงพยาบาลตำรวจกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ก่อนที่จะนำตัวส่งศาลจังหวัดสมุทรสาครเพื่อฝากขังต่อไป