เริ่มลาม!ม็อบกระบะชนม.44นัดบุกทำเนียบ-ศาลากลางจี้ฉีกคำสั่งห้ามนั่งแค็บ

เริ่มลาม!ม็อบกระบะชนม.44นัดบุกทำเนียบ-ศาลากลางจี้ฉีกคำสั่งห้ามนั่งแค็บ

แม้รัฐบาลจะมีคำสั่งให้เลื่อนการบังคับใช้มาตรการห้ามนั่งแค๊บและท้ายรถกระบะ เพื่อลดอุบัติเหตุตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 14/2560 ออกไปเป็นหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยยอมอนุโลมให้ประชาชนสามารถนั่งท้ายรถกระบะได้ไม่เกิน 6 คน แต่ก็ยังดูเหมือนว่ากระแสการต่อต้านมาตรการดังกล่าวที่เกิดขึ้นในสังคมกลับไม่ได้ลดลงไปเลย


นัดรวมพล"ม็อบกระบะ"10เม.ย.

โดยเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ที่เฟซบุ๊ค "ทนายวรกร พงศ์ธนากุล" ซึ่งเป็นของ นายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย เผยแพร่ข้อความและคลิปวีดีโอเชิญชวนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายห้ามนั่งท้ายรถกระบะรวมถึงนั่งในแค็บ ให้ไปรวมตัวกันที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันจันทร์ที่ 10 เมษายน เวลา 10.00 น.เพื่อยื่นหนังสือแสดงจุดยืนเรียกร้องรัฐบาลให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว เพราะไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชน ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวาง

ดาวกระจายทำเนียบ-ศาลากลางทั่วปท.

นายวรกร ระบุว่า เบื้องต้น กฎหมายนี้ต้องถูกยกเลิกก่อนเท่านั้น แล้วค่อยมาหารือกันใหม่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากประชาชนว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะรถกระบะคือวิถีชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่ใช้กันในทุกงานทุกโอกาส บางหมู่บ้านอาจจะมีเพียงคันเดียว การที่รัฐบาลนำกฎหมายมาบังคับใช้ย่อมมีกระทบ บางหมู่บ้านอาจจะอยู่กันไม่ได้ จึงขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกฎหมายนี้ หากมาที่ กทม. ได้ ให้มาร่วมกันยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล แต่หากมาไม่ได้ ให้ไปรวมตัวกันยื่นหนังสือที่ศาลากลางของแต่ละจังหวัด


เริ่มลาม!ม็อบกระบะชนม.44นัดบุกทำเนียบ-ศาลากลางจี้ฉีกคำสั่งห้ามนั่งแค็บ

โลกออนไลน์เดินหน้าถล่มหนัก


โดยหลังจากนั้น ก็มีผู้แชร์ข้อความและคลิปวีดีโอดังกล่าวต่อๆ กันไป อาทิ เพจ "สนับสนุนปฏิรูปตำรวจ" มีการทำป้ายรณรงค์ยกเลิกกฎหมายห้ามนั่งท้ายรถกระบะรวมถึงนั่งในแค็บ ซึ่งก็มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ของรัฐบาล และมีบางส่วนระบุว่าจะไปร่วมยื่นหนังสือในวันดังกล่าว

แฉตำรวจยังลักไก่ปรับนั่งท้าย

ขณะที่เพจ "YouLike (คลิปเด็ด)" มีการแชร์ภาพใบสั่งที่ประชาชนถูกจับในข้อหาใช้รถผิดประเภท โดยระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 6 เม.ย.60 ซึ่งก็มีการตั้งคำถามกันว่า ทั้งที่รัฐบาลมีประกาศเลื่อนการบังคับใช้มาตรการห้ามนั่งท้ายรถกระบะและในแค็บออกไปก่อน ออกมาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 เมษายน 2560 แล้ว แต่เหตุใดจึงยังมีผู้ถูกจับปรับอยู่ รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายดังกล่าวไปเลยจะดีที่สุด
ขนส่งเอาจริงจัดระเบียบรถตู้

ขณะเดียวกัน นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยกรณีการออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เพื่อจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะว่า เป็นมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 15/2560 โดย ณ วันที่ 20 มีนาคม มีการจดทะเบียนรถโดยสารสาธารณะ (รถตู้ปรับอากาศ) 42,806 คัน เป็นรถตู้โดยสารประจำทางส่วนกลาง 9,843 คัน ส่วนภูมิภาค 5,965 คัน รวม 15,808 คัน, รถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ส่วนกลาง 5,581 คัน ส่วนภูมิภาค 20,296 คัน รวม 25,877 คัน, รถตู้โดยสารส่วนบุคคล ส่วนกลาง 294 คันส่วนภูมิภาค 827 คัน รวม 1,121 คัน


เริ่มลาม!ม็อบกระบะชนม.44นัดบุกทำเนียบ-ศาลากลางจี้ฉีกคำสั่งห้ามนั่งแค็บ

สั่งถอดเหลือ13ที่นั่งก่อน10เม.ย.
เบื้องต้นรัฐบาลให้นโยบายดำเนินการกับรถตู้โดยสารประจำทาง 15,808 คันก่อน โดยต้องปรับที่นั่งออกให้เหลือ 13 ที่นั่ง ภายในวันที่ 10 เมษายนนี้ ก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อคุมเข้มความปลอดภัยลดอุบัติเหตุ สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้ยอดผู้เสียชีวิตจากรถสาธารณะเป็นศูนย์ ซึ่งมีมาตรการเอาผิดกับผู้ฝ่าฝืน 2 ส่วนคือ จับปรับไม่เกิน 5 พันบาทและมาตรการด้านทะเบียน โดยกรมฯจะผ่อนผันการบังคับใช้ก่อน คือ เน้นปรับในอัตราน้อยไม่เกิน 500 บาท เพื่อเตือนผู้ประกอบการและสร้างความเข้าใจ ส่วนมาตรการทางทะเบียนจากเบาไม่หนัก เช่น ไม่ออกใบเวลาเดินรถ ระงับหรือพักใช้ใบอนุญาตขับรถ และใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ไม่เกิน 6 เดือน จะผ่อนผันการดำเนินการไปก่อน โดยเริ่มประมาณเดือนมิถุนายนที่ให้รถตู้นำรถมาตรวจสภาพ


"การปรับที่นั่ง ผู้ประกอบการทำได้เองด้วยการขันน็อตรื้อเบาะออก หรือไปที่ร้านประดับยนต์หรือตามอู่ค่าใช้จ่ายน้อยหรืออาจไม่เสียเพราะถอดง่าย ยกเว้นเป็นเบาะคู่ต้องถอดออก แล้วนำมาติดตั้งใหม่เป็นที่นั่งเดี่ยวมีค่าใช้จ่ายค่าใส่เบาะใหม่" อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าว

กำชับทุกคันต้องมีทางออกฉุกเฉิน
นายสนิท กล่าวต่อว่า สำหรับหลักการจัดวางที่นั่งผู้โดยสารคร่าวๆ คือ รถที่จดทะเบียนใหม่ให้จัดวางได้ไม่เกิน 13 ที่นั่ง โดยที่นั่งแถวหลังสุดต้องมีช่องทางเดินขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 ซ.ม. ให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีมีเหตุจำเป็น หรือเกิดอุบัติเหตุ ส่วนรถที่จดทะเบียนก่อนวันประกาศนี้มีผลบังคับใช้ ให้จัดวางที่นั่งผู้โดยสารได้ไม่เกิน 13 ที่นั่งเช่นกัน เน้นที่นั่งแถวสุดท้ายด้านซ้ายมือ ต้องมีที่นั่งเดียวเหมือนแถวอื่นๆ เนื่องจากปัจจุบันแถวสุดท้ายจะวางที่นั่งเต็มพื้นที่ทำให้ไม่มีทางออกประตูฉุกเฉินหลังรถ

เริ่มลาม!ม็อบกระบะชนม.44นัดบุกทำเนียบ-ศาลากลางจี้ฉีกคำสั่งห้ามนั่งแค็บ


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์