ผู้ต้องหาคดี ครอบครองอาวุธสงคราม ยอมรับเคยไปพบ "โกตี๋" ที่ สปป.ลาว ซัดทอด มี"อดีตรมต."จัดหาอาวุธแจก2ตู้คอนเทนเนอร์
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. พร้อมทหาร ควบคุมตัว 9 ผู้ต้องหาเครือข่าย นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ "โกตี๋" ประกอบด้วย นายธีรชัย อุตรวิเชียร หรือระพิน อายุ 55 ปี นายประเทือง อ่อนละมูล 58 ปี นางปาลิดา เรืองสุวรรณ 62 ปี นายทศพล เกษโกศล อายุ 25 ปี จ.ส.อ.ธนโชติ วงศ์จันทร์ชมภู 57 ปี ว่าที่ ร.ต.สุริยฉัตร ฉัตรพิทักษ์กุล 49 ปี น.ส.เอมอร วัดแก้ว อายุ 44 ปี นายวันไชยชนะ ครุฑไชยันต์ 56 ปี นายอุดมชัย นพสวัสดิ์ หรือแสนรัก 60 ปี มาส่งมอบให้กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และคณะพนักงานสอบสวน ที่กองปราบปรามเมื่อช่วงสายของวันนี้ พร้อมด้วยของกลาง อาทิ อาวุธปืน ซีพียูคอมพิวเตอร์ เครื่องปั่นไฟ ลำโพง ฯลฯ ที่ได้ตรวจยึดจากการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา มาส่งมอบให้ด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาบางคนรับสารภาพว่าเคยนำอาวุธของกลางไปก่อเหตุในช่วงการชุมนุม ปี 2553 และยอมรับว่า นายโกตี๋ นำอาวุธมาฝากเอาไว้ในโกดัง โดยหลังปี 2553 กลุ่มผู้ต้องหามีการนัดประชุมวางแผนหลายครั้ง ก่อนจะก่อเหตุทั้งในพื้นที่กรุงเทพและใกล้เคียง รวมทั้งยอมรับว่าได้มีการประชุมเพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่วัดพระธรรมกาย ขณะเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ากลุ่มดังกล่าวพยายามจะสร้างความปั่นป่วน และปลุกปั่นในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย
สำหรับขั้นตอนหลังจากรับตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 คน นั้นพนักงานสอบสวนได้ตรวจร่างกาย สอบปากคำเบื้องต้น ทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนนำตัวส่งให้กับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อสอบปากคำประกอบสำนวนที่ดีเอสไอรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ โดยเมื่อวานที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนในคดีดังกล่าวทั้งหมดให้กับดีเอสไอไปแล้ว เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 ซึ่งเป็นอำนาจของดีเอสไอ ในการดำเนินคดี
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า นอกจากผู้ต้องหาทั้ง 9 คนที่ถูกจับกุมแล้ว ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 4 คนรวมถึงโกตี๋ด้วย ที่อยู่ระหว่างหลบหนี โดยขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายจับทั้ง 4 คนในข้อหา ในข้อหาร่วมกันครอบครองอาวุธสงคราม และเครื่องกระสุน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ , มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ไว้แล้วด้วย
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช หนึ่งในทีมพนักงานสอบสวน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ทหารและตำรวจ ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จ.ปทุมธานี, อ่างทอง, หนองคาย, สุรินทร์, นครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรปราการ รวมทั้งสิ้น 7 จังหวัดซึ่งเชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลที่เป็นเครือข่ายของ นายวุฒิพงศ์ ได้ร่วมกันวางแผนสะสมอาวุธ อาวุธสงครามและวัตถุระเบิด เพื่อเตรียมการก่อเหตุร้ายและความไม่สงบเรียบร้อย ผลการตรวจค้น พบอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน เสื้อเกราะ ยาเสพติด และอุปกรณ์ที่อาจนำไปใช้ในการก่อความไม่สงบเรียบร้อยจำนวนมาก จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ต้องหา ยังร่วมกันประชุมวางแผนหลายครั้ง เพื่อที่จะใช้กำลังต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน หากมีการนำกำลังเข้าตรวจค้นและยึดพื้นที่วัดพระธรรมกายอันเป็นการสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด (ต่อสู้ขัดขวาง เจ้าพนักงาน) จึงขอศาลอาญาออกหมายจับ กระทั่งศาลออกหมายผู้ต้องหาทั้ง 9 คน
1. นายธีรชัย อุตรวิเชียร อายุ 54 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหา ตามหมายจับเลขที่ 719/60 ลง 21 มีนาคม2560 ความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครองครองไม่ได้รับอนุญาต, มีวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , รับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง และมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และหมายจับเลขที่ 743/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
2. นายประเทือง อ่อนละมูล อายุ 57 ปี ชาว จ.อ่างทอง ตามหมายจับเลขที่ 718/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจ ออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มี ใช้วิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากร และหมายจับเลขที่ 744/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
3. นางปาลิดา เรืองสุวรรณ อายุ 61 ปี ชาว จ.สกลนคร ตามหมายจับเลขที่ 745/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
4. นายวันไชยชนะ ครุฑไชยันต์ อายุ 55 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ตามหมายจับเลขที่ 722/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองและหมายจับเลขที่ 746/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
5. นางเอมอร วัดแก้ว อายุ 43 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ตามหมายจับเลขที่ 720/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครองครองไม่ได้รับอนุญาต, มีวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง และมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
6. นายอุดมชัย นพสวัสดิ์ อายุ 60 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ตามหมายจับเลขที่ 721/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และหมายจับเลขที่ 748/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
7. จ.ส.อ.ธนโชติ วงศ์จันทร์ชมภู อายุ 56 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ตามหมายจับเลขที่ 749/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
8. ว่าที่ ร.ต.สุริยศักดิ์ ฉัตรพิทักษ์กุล อายุ 49 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ตามหมายจับเลขที่ 750/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร และ หมายจับเลขที่ 10/2560 ลง 17 มี.ค.2560 ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตามม.112 และนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ (ออกโดยศาลทหาร กรุงเทพ)
9. นายบุญส่ง คชประดิษฐ์ อายุ 54 ปี ชาว จ.สระบุรี ตาม หมายจับเลขที่ 717/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และหมายจับเลขที่ 754/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
นอกจากนี้ศาลยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 4 คน ที่กำลังหลบหนีประกอบด้วย
10. นายวุฒิพงศ์ หรือโกตี๋ กรธรรมคุณ อายุ 48 ปี ชาวจ.ปทุมธานี (อยู่ระหว่างหลบหนี) ตามหมายจับเลขที่ 739/60 ลง 22 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 11. น.ส.บุญเต็ม รักษาภายใน อายุ 54 ปี ชาวจ.อุดรธานี (อยู่ระหว่างหลบหนี) ตามหมายจับเลขที่ 751/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร 12. นายสมจิตร สาบุดดา อายุ 64 ปี ชาว จ.เลย (อยู่ระหว่างหลบหนี) ตาม หมายจับเลขที่ 752/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร 13. นายวันลพ รัตน์รุ่ง อายุ 45 ปี ชาวจ.เชียงราย (อยู่ระหว่างหลบหนี) ตามหมายจับเลขที่ 753/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
ด้าน นายธีรชัย หนึ่งในผู้ต้องหากล่าวว่า ได้เข้ามาทำงานกับ นายโกตี๋ เมื่อประมาณปี 2556 โดยมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานช่าง ดูแลวิทยุ อุปกรณ์เครื่องเสียงที่ใช้ในการออกอากาศสถานีวิทยุคนเสื้อแดง เรดการ์ด เรดิโอ เท่านั้น ส่วนอาวุธปืนของกลางทั้งหมด เป็นอาวุธปืนที่น ายโกตี๋ รับบริจาคเงินจากชาวบ้านแล้วนำไปซื้อมา ซึ่งตนไม่ทราบว่า นายโกตี๋ ไปซื้อมาจากที่ไหน เท่าที่ทราบอาวุธปืนเหล่านี้ เคยถูกนำไปใช้ก่อเหตุเพียง 2 ครั้ง คือเมื่อปี 57 กรณีการชุมนุมที่เวทีอนุสรณ์สถาน ดอนเมือง และที่บริเวณแยกหลักสี่ ในระหว่างที่มีการปะทะกับกลุ่ม กปปส. ซึ่งมีพระพุทธอิสระ เป็นแกนนำเวทีดังกล่าว แต่ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ได้กระทำการรัฐประหาร นายโกตี๋ ก็กำชับกับตนให้นำอาวุธปืนและอุปกรณ์ทุกอย่างที่สถานีวิทยุคนเสื้อแดง เรดการ์ดเรดิโอ จ.ปทุมธานี มาเก็บไว้ที่บ้านของตน พร้อมทั้งให้ดูแลรักษาไว้อย่างดี โดยหลังจากนั้นก็ไม่เคยนำอาวุธปืนทั้งหมดออกมาใช้แต่อย่างใด
นายธีรชัย กล่าวอีกว่า เคยเดินทางไปพบกับนายโกตี๋ ที่ประเทศลาว ประมาณ 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด เดินทางไปเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งในเรื่องที่เคยพูดคุยกันนั้นเป็นการสอบถามว่าจะมีแนวทางที่จะต่อต้านรัฐบาลอย่างไร ซึ่งนายโกตี๋ ได้บอกกับตนว่า มีผู้ใหญ่ระบุว่ามีอาวุธอยู่ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ แต่นายโกตี๋ ก็ไม่เคยเห็นอาวุธในตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว ส่วนผู้ใหญ่ที่นายโกตี๋ กล่าวอ้างนั้นน่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง
"ผมยืนยันว่าทุกครั้งที่ไปพบกับนายโกตี๋ นั้น ไม่ได้มีคำสั่งให้กลับมาก่อเหตุความวุ่นวายใดๆ และเชื่อว่าลำพังนายโกตี๋ ก็ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก่อเหตุอะไรได้ ส่วนกรณีการขู่ลอบสังหารผู้นำประเทศนั้น มีการขู่จริง" นายธีรชัย กล่าวและว่า ตนทราบดีว่าการที่มีอาวุธปืนอยู่ในความครอบครองนั้นผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากนายโกตี๋ กับตนเป็นเพื่อนกัน และนายโกตี๋ ก็กำชับกับตนว่าให้เก็บอาวุธปืนไว้ จึงไม่ได้มอบให้กับทางการตั้งแต่ช่วงที่ คสช.มีคำสั่งออกมา
ด้าน นายวันไชยชนะ กล่าวว่า ในส่วนของอาวุธปืนที่อยู่ในความครอบครองของตนนั้นเป็นปืนบีบีกัน ส่วนอาวุธปืนสั้นและปืนยาว 2 กระบอกนั้นเป็นของภรรยาตนซึ่งมีทะเบียนครอบครองถูกต้อง โดยตนมีบ้านพักอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่จะเดินทางมาหานายธีรชัย เพื่อพูดคุยหารือกันเกี่ยวกับเรื่องการเมือง และมีการแนะนำตัวกับกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นคล้ายกัน แต่ในวงสนทนาที่ผ่านมา ไม่เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับการเข้าไปสร้างความวุ่นวายกรณีใดๆ รวมทั้งกรณีของวัดพระธรรมกาย ที่มีการต่อต้านเจ้าหน้าที่ ส่วนที่เคยเห็นตนปรากฏตัวที่หน้าวัดพระธรรมกาย ก็เป็นเพียงการติดรถของคนที่รู้จักกันเพื่อเดินทางกลับ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปในวัดพระธรรมกาย
ขอบคุณ posttoday.com