ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 6 หมื่น " หนุ่ม " ตัดต่อภาพผู้ประกาศสาวช่อง 5 กับหญิงอื่นลักษณะเปลือย ลงอินสตาแกรมปี 59 รับสารภาพเหลือจำคุก 1 ปี ปรับ 3 หมื่น แต่ไม่เคยต้องโทษ ศาลให้โอกาสกลับตัว จึงรอลงอาญา-คุมประพฤติ 2 ปี พร้อมสั่งปฏิบัติธรรมต่อเนื่อง 10 วันขัดเกลาจิตใจ
ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 28 ก.พ.60 ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.3205/2559 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจิรภัทร มีสินทรัพย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ทำ ผลิต มีไว้ หรือ ทำให้เผยแพร่ ด้วยประการใดๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287, 326,328 และนำเข้าข้อมูลปลอมสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนในลักษณะเป็นเท็จและลามก ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 และ 16
โดยอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 29 ก.ย.59 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 21-25 ส.ค.59 เวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยนำข้อมูลลักษณะอันลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และมีการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อ น.ส.ชลรัศมี งาทวีสุข ด้วยการนำรูปภาพใบหน้าของผู้เสียหายตัดต่อกับภาพหญิงสาวผู้ในลักษณะเปลือยกายลงในอินสตาแกรม ที่จำเลยเป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าวโดยการกระทำนั้นเป็นความเท็จทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตามความผิด ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่สืบเสาะประวัติ
โดยวันนี้นายจิรภัทร จำเลย ได้เดินทางมากับครอบครัว และทนายความพร้อมฟังคำพิพากษา ขณะที่ฝ่ายผู้เสียหาย ไม่ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานนำข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลที่มีลักษณะอันลามก โดยทำให้มีการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลนั้น อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) ,(4) ,(5) และมาตรา 16 วรรคหนึ่งและความผิดหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) และ 328 โดยเป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหมายบท
จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) ,(4) ,(5) ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษบทหนักสุด ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี และปรับ 60,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี และปรับ 30,000 บาท แต่เมื่อพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้วเห็นว่า จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีอีกสักครั้ง โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี และให้คุมประพฤติจำเลยด้วยเป็นเวลา 2 ปี โดยให้จำเลยต้องรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ในช่วงเวลาคุมประพฤติดังกล่าว พร้อมทั้งให้จำเลยเข้าอบรมปฏิบัติธรรมเพื่อขัดเกลาจิตในที่สถานปฏิบัติธรรมตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรอีกเป็นเวลา 10 วันติดต่อกัน
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายจิรภัทร ก็ได้ชำระค่าปรับและเดินทางกลับพร้อมครอบครัวโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่อย่างไรก็ตามทนายความของนายจิรภัทร ได้กล่าวเพียงสั้นๆ โดยเชื่อว่าโจทก์จะไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีอีก เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ ซึ่งศาลก็ได้กำหนดโทษตามกฎหมายตามสมควรแล้ว
ขอบคุณเนื้อหาจาก :::: nationtv.tv