สลด!! พ่อแท้ๆโคตรเลว ข่มขืนลูกวัย15จนท้อง ข่มขู่หากบอกใครจะไม่แบ่งสมบัติให้
จากกรณี เกิดเหตุพ่อแท้ๆ ข่มขืน ลูกสาววัย 15 ปี มาต่อเนื่อง จนตั้งท้องได้ 4 เดือน และแม่เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี จนสามารถจับกุมตัวได้นั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 8 ก.พ.59 ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยโสธร นางนิภา คงเพชร นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ยโสธร (พมจ.) เปิดเผยว่า กรณีพ่อล่วงละเมิดทางเพศ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ลูกสาวตนเองนั้น ได้เข้าพูดคุยกับครอบครัวดังกล่าว พบว่า ครอบครัวดังกล่าวอาศัยอยู่ จ.สุพรรณบุรี ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่ จ.ยโสธร โดยอาศัยอยู่บ้านพักแห่งหนึ่ง เขต อ.เมืองยโสธร จำนวน 5 คน ได้แก่ พ่อ แม่ ลูกสาวสองคน และคุณยาย ต่อมาลูกสาวคนโตได้ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกับครอบครัว ดังนั้นครอบครัวที่เกิดเหตุจึงมีคนอาศัยร่วมอยู่ 4 คน
นางนิภา กล่าวต่อว่า ครอบครัวดังกล่าวมีอาชีพค้าขาย โดย พ่อจะขับรถซาเล้งไปตามที่ต่างเพื่อขายน้ำหวาน ส่วนแม่ก็เป็นลูกจ้างร้านอาหาร ทำงานแต่เช้าจนถึงดึก โดยมีวันหยุดพักคือวันอาทิตย์ ด้าน น.ส.เอ ก็ไปเรียนหนังสือตามปรกติ สาเหตุของน.ส.เอ ถูกล่วงละเมิดทางเพศเกิดจากวิถีชีวิตครอบครัวที่ต่างคนต่างไป ซึ่งพ่อได้เริ่มล่วงละเมิดน.ส.เอ หน่อยครั้งแรกขณะกลับจากโรงเรียน ที่ จ.สุพรรณบุรี โดยใช้เวลาที่ลูกสาวกลับเข้าบ้านก็ล่วงละเมิดทางเพศตอนนั้นเลย ซึ่งห้อง น.ส.เอ นั้นลูกบิดพัง โดยสัปดาห์หนึ่งจะล่วงละเมิดทางเพศอยู่สามวัน หรือรวมแล้วประมาณ 100 กว่าครั้ง อย่างไรก็ตาม น.ส.เอ หลังจากถูกล่วงละเมิดก็ไม่เคยบอกให้ใครทราบเนื่องจากบิดาขู่ว่าหากนำเรื่องดังกล่าวไปบอกใครจะไม่แบ่งสมบัติให้ ซึ่งทุกครั้งเด็กก็ไม่เคยเต็มใจแต่ด้วยความที่มีแรงมากกว่าจึงใช้กำลังข่มขู่ขืนใจ
นางนิภา กล่าวต่อว่า จนกระทั่ง น.ส.เอ ทราบว่าประจำเดือนไม่มาจึงไปหารือกับพี่สาวและแม่ ซึ่งพี่สาวก็พาไปพบแพทย์จนทราบว่าตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนแล้ว หลังจากนั้น น.ส.เอ จึงไปบอกแม่และยายให้รู้ว่าตั้งครรภ์ แม่จึงถามว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง จนได้คำตอบว่าบิดาแท้ๆคือพ่อของเด็กในท้อง แม่และยายจึงพาไปแจ้งความที่ สภ.เมืองยโสธร ดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะนี้ น.ส.เอ ได้ตั้งครรภ์ 4 เดือน ซึ่งทางแม่และยายไม่ยอมให้ยุติการตั้งครรภ์ โดยครอบครัวดังกล่าวนั้นยอมรับสภาพที่จะเลี้ยงดูเด็กหากคลอดออกมา แต่ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่ให้ความช่วยเหลือจะติดตามตลอดว่าหากคลอดลูกออกมาแล้ว น.ส.เอ สามารถกลับไปอยู่ในชุมชนได้หรือไม่ สามารถกลับไปเรียนหนังสือได้หรือไม่ หาก น.ส.เอ ไม่สามารถอยู่ในสังคมได้ทางหน่วยงานก็จะนำมาอยู่ในความดูแลของหน่วยงานราชการ และได้ตั้งทีมกฎหมายให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่
นางนิภา เปิดเผยต่อว่า ขณะนี้ น.ส.เอ ได้กลับไปอยู่บ้าน เนื่องจากคิดว่ามีความปลอดภัยแล้ว หลังบิดาถูกจับกุม แต่ในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ ทางหน่วยงานจึงเป็นห่วง น.ส.เอ มากเนื่องจากประชาชนในชุมชนยังไม่ทราบ จึงจัดตั้งทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ พมจ. บ้านพักเด็กและครอบครัว และคุณครู เพื่อมาหาวิธีช่วยเหลือเด็กต่อไป