เมื่อตอนรุ่งสางของเช้า วันที่ 7 มกราคม
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูนชั้นเดียว
ตรวจสอบบริเวณหลังบ้าน พบแปรงไม้ถูพื้นที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธในการก่อเหตุ
และรองเท้าของคนร้ายตกอยู่ ส่วนนางจำรัส ผู้บาดเจ็บทางญาตินำตัวส่งโรงพยาบาล
โดยได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าข้างขวา มีร่องรอยการถูกตีเป็นแผลแตก ซึ่งหลังจากทำแผลเสร็จ
ทางแพทย์ จึงได้ให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน
นายวิชิต บุญจทิศ อายุ 76 ปี เจ้าของบ้าน เเจ้งว่า มีคนร้ายบุกเข้ามาก่อเหตุ ใช้ไม้ถูพื้นทำร้ายภรรยา เมื่อประมาณตี 5 ซึ่งภรรยาของตนเองนั้นได้เปิดประตูหลังบ้าน เพื่อจัดของเตรียมเปิดร้าน
ตนเองนั่งอยู่ในห้อง จู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องจึงรีบวิ่งมาดูก็พบภรรยานั่งฟุบอยู่กับพื้น
จึงได้เรียกลูกๆที่อยู่ในบ้าน รีบนำตัว ส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน
ต่อมาทางตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
พบคนร้าย รูปร่างสันทัด สวมเสื้อสีเทา ใส่กางเกงขาสั้น คลุมหมวกไอ้โม่งปิดบังอำพรางใบหน้า
เดินบนถนนผ่านหน้ากล้องวงจรปิดไป ต่อมาไม่นาน คนร้าย ได้วิ่งย้อนกลับมาผ่านหน้ากล้องวงจรปิด
อีกครั้ง ก่อนจะวิ่งเลี้ยวเข้าซอยหายไป โดยหลังจากใช้เวลาไม่ถึง 2 ชม.
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุไว้ได้ ซึ่งห่างจากจุดก่อเหตุไปเพียง 200 เมตร
เป็นเยาวชน อายุเพียง 15 ปี โดยคนร้ายให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือทำร้าย นาง จำรัส จริง
โดยการใช้ไม้ถูกพื้นที่วางอยู่ ข้างบ้านผู้เสียหายเป็นอาวุธ ตีเข้าที่หัวของ นางจำรัส
จากนั้นได้ชิงเอาสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทอง วิ่งหลบหนีมาซุกบ้านญาติ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมา จับกุมตัวได้ดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในตัว พบของกลางเป็นสร้อยคอทองคำ
หนัก 2 บาท พระเลี่ยมทองอีก 2 องค์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน
ก่อนส่งคืนให้กับเจ้าของ
นับวันยิ่งมีข่าวแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาพวกนี้สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยในปัจจุบันนั้น
กำลังมีปัญหามากในเรื่องของอาชญากรรม
หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อต้องเร่งหาทางรับมือกับปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
ก่อนจะเกิดความสูญเสียอะไรไปมากกว่านี้ ตัวทุกท่านเองก็ต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น
พยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางหรืออยู่คนเดียวในเวลากลางคืน
เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากเหตุการดังกล่าวในระดับนึง