ญาติโยมช็อค! พระนักเทศน์ชื่อดังเมืองขอนแก่น สลัดผ้าเหลืองสวมชุดฆราวาสโอบกอดแนบชิดสีกา น้อมรับผิดก่อนลาสิกขาจากความเป็นพระที่บวชกว่า 30 พรรษา
วันนี้ในโลกสังคมออนไลน์ โดยกลุ่มเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "ขอนแก่น มีด่านบอกด้วย" ได้มีการแชร์ภาพชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับพระนักเทศน์ชื่อดัง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองขอนแก่น ที่อยู่ในลักษณะการแต่งกายเป็นฆราวาสและกำลังโอบกอดแนบชิดกับหญิงสาว อายุประมาณ 30 - 40 ปี ทำให้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อผู้ที่พบเห็นและต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็น พร้อมกับตั้งคำถามว่าชายที่อยู่ในภาพ คือพระครูโอภาสธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น พระนักเทศน์ชื่อดังที่มีญาติโยมเลื่อมใสศรัทธาจำนวนมากจริงหรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางยังวัดศรีสว่างโนนทัน ตั้งอยู่เลขที่ 100 หมู่ที่ 3 บ้านโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ เมื่อไปถึงพบว่าได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่เห็นภาพดังกล่าวในสังคมออนไลน์ ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
จากการสอบถาม นายเรือง สุระเสียง อายุ 75 ปี ตำแหน่งมัคทายกวัดศรีสว่างโนนทัน ซึ่งได้เดินทางมาที่วัดเพื่อชี้แจงเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า ชายที่อยู่ในภาพคือพระครูโอภาสธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโนนทันจริง หลังเกิดเรื่องขึ้นพระครูโอภาสธรรมวิภัช ได้ขอลาสิกขาบท ในช่วงบ่ายของวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่ให้เสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนา หลังจากที่คณะกรรมการวัดได้นำภาพดังกล่าวไปสอบถามกับพระครูโอภาสธรรมวิภัช และยอมรับว่าชายในภาพเป็นตนเองจริงๆ และหญิงสาวที่อยู่ในภาพเป็นสีกาที่มักจะมาทำบุญที่วัดแห่งนี้เป็นประจำ ซึ่งทางวัดก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ เพราะตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีที่พระครูโอภาสธรรมวิภัช มาเป็นเจ้าอาวาสวัด และตลอดการครองผ้าเหลืองมากว่า 30 พรรษา ก็เห็นว่าปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมและพัฒนาวัดวาอารามให้เจริญขึ้นมาโดยตลอด ทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของญาติโยมที่เดินทางมาทำบุญอย่างไม่ขาดสาย แต่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ท่านมีพฤติกรรมแปลกๆ ในช่วงออกพรรษา คือมักจะออกจากวัดในช่วงกลางคืน และหายไปนานถึง 3 - 4 วัน จนกระทั่งมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทำให้ทุกคนได้ทราบความจริง
อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องการสนิทสนมกับหญิงสาวแล้ว ยังมีการพูดถึงทรัพย์สินที่อดีตพระรูปนี้ นำไปด้วยหลังจากลาสิกขา คือเงินจำนวน 3 ล้านบาท แต่จากการสอบถามมัคทายก ระบุว่า อดีตเจ้าอาวาสไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินของวัด เพราะมีคณะกรรมการดูแลร่วมด้วย ที่นำไปมีเฉพาะทรัพย์สินส่วนตัว รถตู้ 2 คัน รถปิ๊กอัพ 1 คัน และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ซื้อไว้ส่วนตัวเท่านั้น
ด้านนายอลงกรณ์ ฤทธิทิศ อายุ 46 ปี ชาวบ้านโนนทัน ซึ่งเดินทางมาสอบถามข้อเท็จจริงกับทางวัด บอกว่า ไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ เพราะตนและครอบครัวมักจะเดินทางมาทำบุญกับพระรูปนี้เป็นประจำ เนื่องจากเลื่อมใสศรัทธา เวลามาทำบุญท่านก็จะให้ศีลให้พร เทศนาให้ฟัง พร้อมกับรดน้ำมนตร์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้ ตนเห็นภาพจากโซเชียลก็ตกใจและคิดว่าเป็นภาพตัดต่อจากผู้ไม่หวังดีเพื่อนำมาใส่ร้ายท่านหรือไม่ จึงได้เดินทางมาที่วัด จนทราบว่าเรื่องทั้งหมดคือความจริง อย่างไรก็ตาม ท่านก็ได้รับผิดชอบต่อสิ่งที่ท่านทำด้วยการลาสิกขาออกไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวัดที่ญาติโยมนับถือ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเรื่องได้พยายามติดต่อสอบถามไปยังคนสนิทของอดีตพระรูปนี้ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งทางโทรศัพท์มือถือและไลน์
สำหรับประวัติ พระครูโอภาสธรรมวิภัช (สมหวัง คุณธมโม) หรือ นายสมหวัง ชาปะรัง อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโนนทัน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เกิดวันที่ 8 สิงหาคม 2509 ปัจจุบันอายุ 50 ปี บ้านเลขที่49หมู่5บ้านคำขวาง ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จบการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านคำขวาง ครองสมณเพศ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2522 ณ วัดโพธิใหญ่ ต.โพธิใหญ่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี อุปสมบท เมื่อวันที่17มีนาคม2529ณ วัดโพธิ์ใหญ่ ต.โพธิ์ใหญ่ อ.วารินชำราบ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี พุทธศาสตร์บัณฑิต (พธ.บ.) พุทธศักราช2543ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างโนนทัน มีคติธรรม บวชเพื่อการศึกษาเล่าเรียน บวชเพื่อเพียรสร้างบารมี และบวชเพื่อหนีความทุกข์เป็นพระนักพัฒนา และเป็นพระอยู่ในพระธรรมวินัยมาโดยตลอด
โดยเฉพาะวัดศรีสว่างโนนทันท่านได้สร้างศาลาบำเพ็ญกุศล ศาลาทรงไทย ศาลาศรีจันทร์สม หอระฆัง ศาลากลางน้ำ กุฏิรับรองพระเถรานุเถระ ห้องน้ำสำหรับฆราวาส30ห้อง ซื้อที่ดินถวายวัดร่วม3ล้านบาท สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดศรีสว่างโนนทัน และ อื่นๆที่เป็นงานกิจกรรมเพื่อสังคมในเขตเทศบาลนครขอนแก่น.
ขอบคุณ bangkokbiznews.com