รวบนายทุนเงินกู้จอมหื่น

ข่มขืนลูกหนี้สาว"ขัดดอก"ทำหัวหมอ-ไม่ยอมรับผิดแฉดอกโหด60บ.ต่อเดือน

นายทุนเงินกู้หน้าเลือด คิดดอกเบี้ยร้อยละ 60 ต่อเดือน แต่เดินเก็บดอกรายวัน ช่างตัดเย็นเสื้อผ้าสตรีเป็นโรคไตจำใจไปกู้มา 5 พันบาท ต้องจ่ายดอกวันละร้อย พอขาดส่งถูกเรียกตัวไปข่มขืนแทนดอกเบี้ย ทนไม่ไหวเข้าร้องเรียน มูลนิธิปวีณาฯ แจ้งกองปราบ ปดส.จับได้พร้อมบัญชีลูกหนี้เพียบ ยังปากแข็งอ้างไม่ได้ข่มขืน แถมจะฟ้องกลับอีกต่างหาก

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี (บก.ปดส.)

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 9 ส.ค. พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. พ.ต.อ.นรศักดิ์ เหมนิธิ รอง ผบก. ปดส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายดิเรก หรือบอย สิทธิศิริวรรณ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 206/16 ถนนเจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทร สาคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี 2443/2550 ลงวันที่ 8 ส.ค. 50 ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาของตนโดยการข่มขู่ด้วยประการใด ๆ โดยหญิงนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, กรรโชกทรัพย์ ทำร้าย ร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจผู้นั้น และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยจับกุมได้ที่ร้านกุลบิวตี้ ซึ่งใช้เป็นสำนักงานปล่อยเงินกู้ในชื่อ "ประชาสุขเงินทุน" ตั้งอยู่เลขที่ 52/28 หมู่ 6 ถนนบางขุน เทียน-ชายทะเล แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา

นางสวย (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี อาชีพรับจ้างเย็บเสื้อผ้า ได้เข้าขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. โดยนางสวยเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน ตนป่วยด้วยโรคกรวยไตอักเสบ ต้องการหาเงินไปรักษาตัวยังขาดอยู่อีกประมาณ 1 หมื่นบาท พอดีมีเซลส์ปล่อยเงินกู้ด่วนทันใจตระเวนมาแจกนามบัตรจึงจำใจเสี่ยงลองโทรศัพท์ไปเพื่อติดต่อขอกู้เงิน โดยมีนายบอย (ไม่ทราบนามสกุล) เป็นนายทุนเงินกู้ดังกล่าว ด้วยความจำเป็นจึงยอมทำสัญญากู้เงิน 1 หมื่นบาท นายบอยคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน วันละ 200 บาท ตนเห็นว่าคิดดอกเบี้ยแพงเกินไปจึงขอกู้แค่ 5,000 บาท เพราะคิดว่าจะหาเงินต้นมาคืนได้แต่ก็ต้องยอมทนจ่ายดอกเบี้ยวันละ 100 บาท

ช่วงแรก ๆ พอจ่ายดอกเบี้ยไหว แต่ระยะหลังงานรับจ้างเย็บเสื้อผ้าไม่ค่อยมีเลยต้องค้างชำระค่าดอก

ทำให้นายบอย ส่งลูกน้องมาข่มขู่ทุกวัน กระทั่งมีอยู่วันหนึ่งนายบอยโทรศัพท์มาเองขู่ให้ออกมาพบนอกบ้าน ถ้าไม่ยินยอมจะบุกเข้ามาทำร้ายตนและครอบครัวถึงบ้าน ด้วยความ กลัวจึงออกไปพบ ปรากฏว่าถูกกลุ่มลูกน้องนายบอยพาขึ้นรถยนต์ไปให้นายบอยที่โรงแรมย่านพุทธมณฑล บังคับขืนใจจนสำเร็จความใคร่

นางสวย กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา นายบอย เริ่มใช้พฤติกรรมฉาวโทรฯมาบังคับให้ออกไปหาเพื่อข่มขืนอีกหลายครั้ง

โดยจะพาขึ้นรถไปข่มขืนในโรงแรมย่านปริมณฑล เขตพื้นที่ จ.นครปฐม และสมุทรสาคร ล่าสุดนายบอย ทราบว่าตนยังมีเจ้าหนี้อยู่อีกหลายคน เลยนำเรื่องไปเล่าให้ฟัง ทำให้เจ้าหนี้คนอื่น ๆ โทรฯมาขู่จะขอร่วมหลับนอนกับตน เพื่อเป็นการขัดดอกบ้าง ทำให้ตนและสามีกลัดกลุ้มใจอย่างมาก เครียดหนักถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตาย ด้วยกันเพื่อหาทางออก กระทั่งเพื่อนบ้านทราบข่าวเลยให้มาติดต่อมูลนิธิปวีณาฯ


 

ต่อมา พล.ต.ต.วิมล ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข ผกก.3 บก.ปดส.


และพ.ต.ท. โชคชัย งามวงศ์ รอง ผกก.3 พ.ต.ต.ณวัฒน์ ศุกลรัตน์ พ.ต.ต.วรวรรธน์ เข็มศักดิ์สิทธิ์ สว.กก.3 บก.ป. เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับ นายดิเรก และจับได้เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ พร้อมยึดรถยนต์นิสสัน สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศย 5077 กรุงเทพมหานคร และสมุดบัญชีรายชื่อลูกหนี้เงินกู้และเอกสารสัญญาเงินกู้จำนวนมากไว้เพื่อตรวจสอบ โดยส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และใกล้เคียง ซึ่งทุกรายจะถูกเรียกดอกเบี้ยเงินกู้เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดทั้งสิ้น

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทราบว่า

หากลูกหนี้ไม่มีเงินชำระค่าดอกเบี้ย นาย ดิเรกจะส่งลูกน้องไปข่มขู่ บางรายถึงกับถูกทำร้ายร่างกาย และถ้าลูกหนี้เป็นหญิงสาวหน้าตาดี นายดิเรกก็จะเสนอเงื่อนไขให้ไปร่วมหลับนอนเพื่อเป็นการผัดผ่อนหนี้ รวมทั้งทางการสืบสวนยังพบอีกด้วยว่า ยังมีลูกหนี้อีกหลายรายที่ถูกผู้ต้องหากระทำเช่นเดียวกับนางสวย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าแจ้งความเอาผิด เนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพล

ด้านนายดิเรก กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพปล่อยเงินกู้จริง

และนางสวยก็เป็นหนึ่งในลูกหนี้ที่ติดต่อขอกู้เงินกับตน ส่วนกรณีที่นางสวย กล่าวหาว่าตนลงมือข่มขืนเพื่อเป็นการขัดดอกนั้นไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าเคยไปบ้านพักของลูกหนี้รายนี้เพื่อไปดูว่ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก่อนที่จะให้กู้เงิน ซึ่งจะทำเช่นนี้กับลูกหนี้ทุกราย เพื่อป้องกันการถูกโกงหรือหลบหนี ส่วนที่นางสวยระบุว่าตนได้โทรศัพท์ไปขู่เอาชีวิต รวมทั้งให้ลูกน้องไปทำร้ายร่างกายนั้น ตนไม่เคยทำเช่นนั้นมีแต่ทางผู้เสียหายที่โทรศัพท์มาต่อว่า เมื่อตนได้พยายามทวงหนี้ที่ติดค้างซึ่งตนอยู่ระหว่างปรึกษาทนายความเพื่อแจ้งความกลับในข้อหาหมิ่นประมาท.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์