ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา แถลงรวบยกแก๊งฉกเงินหนุ่มร้านประดับยนต์ จากแบงก์กสิกร สูญกว่า 9 แสน สารภาพทำมาแล้ว 9 ครั้ง
วันที่ 25 ส.ค. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แถลงผลการจับกุมคดีดัง ซึ่งคนร้ายโจรกรรมเงินในบัญชีธนาคารของเหยื่อไป ได้ผู้ต้องหารวม 6 คน ประกอบด้วย นายเอกพจน์ รัตนากร อายุ 29 ปี , นายพัฒนรสพงษ์ ก้านสนธิ์ อายุ 33 ปี , นายสุริไกร อนุมาตย์ อายุ 30 ปี , นายวิศรุต ศุภนาค อายุ 18 ปี , นายสยาม เทืองผล อายุ 18 ปี , และ นายไนท์ นามสมมุติ อายุ 17 ปี ทั้งหมดเป็นชาวจังหวัดราชบุรี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม พร้อมด้วยของการรถยนต์กระบะจำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ5 เครื่อง ซึ่งทั้งหมดถูกจับกุมได้ในเขตจังหวัดราชบุรี
สืบเนื่องจากนายพันธ์สุธี มีลือกิจ เจ้าของธุรกิจขายอุปกรณ์แต่งรถยนต์ ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร้องเรียนและแจ้งความว่า ถูกคนร้ายลวงทำทีเป็นลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ทางเฟซบุ๊ก ขอสำเนาบัตรประชาชน เพื่อยืนยันการส่งสินค้า โดยทางนายพันธ์สุธี ได้ทำการปิดบังหมายเลข13 หลัก จากนั้นคนร้ายได้นำบัตรประชาชนไปปลอมและแฮกเลข13 หลัก ไปขอซิมมือถือใหม่ แล้วไปของรหัสผ่านK-Mobile Banking กับคอลเซ็นเตอร์ เมื่อได้รหัสมาคนร้ายก็โอนเงินออกจากบัญชีไปจนหมดรวมทั้งสิ้น จำนวน 986,700 บาท เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า กระทำแบบนี้มา 9 ครั้งได้เงินรวมกว่า 3 ล้านบาท ส่วนเงินที่ได้นำไปเล่นการพนันและเที่ยวเตร่
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุทธิ กล่าวว่า กลุ่มของผู้ต้องหาได้มีการหลอกลวงผู้เสียหาย คือนายพันธ์สุธี โดยแบ่งหน้าที่กัน นายไนท์ นามสมมุติ ได้ใช้เฟซบุ๊กติดต่อกับผู้เสียหาย ติดต่อขอซื้อสินค้า ได้ขอบัตรประชาชน และหมายเลขบัญชี จากนั้นได้โทรไปที่ธนาคารเพื่อสอบถามยอดเงินในบัญชีของผู้เสียหาย แล้วไปโทรติดต่อค่ายโทรศัพท์ของผู้เสียหายเพื่อแจ้งระงับสัญญาณ และขอซิมใหม่
จากนั้นให้นายวิศรุตได้ปลอมสำเนาบัตรประชาชน โดยใช้การถ่ายเอกสารเปลี่ยนใบหน้าของผู้เสียหายมาเป็นนายสยาม ให้ไปทำซิมใหม่ เมื่อได้ซิมมาใหม่นายไนท์ ได้ทำการโทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ธนาคาร เพื่อขอรหัสผ่านใหม่ ส่วนนายสุรไกร ทำหน้าที่เปิดบัญชี เพื่อรอรับการโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหาย นายเอกพจน์ ทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะไปเปลี่ยนซิมและกดเงินตามตู้เอทีเอ็มต่างๆ จากนั้นได้แบ่งเงินกันตามสัดส่วน จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัว
โดยการสืบสวนจับกุมตัวในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากทางธนาคาร และบริษัทค่ายมือถือ ที่ให้ข้อมูลเรื่องของภาพกล้องวงจรปิดและเทคโนโลยีต่างๆ จนสมารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ ในส่วนของการสืบสวนว่าหมายเลข13 หลักของผู้เสียหายได้มาจากไหนอย่างไร อยู่ระหว่างการสืบสวน เป็นข้อมูลเชิงลึก
" จึงขอฝากเตือนประชาชนโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าออนไลน์ ทางเฟซบุ๊ก ควรปิดบังข้อมูลส่วนตัวที่เป็นความลับเช่นเลข13 หลัก วันเดือนปีเกิด รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวที่จะปรากฎอยู่ในตัวเฟซบุ๊กหรือ แอพต่างๆ " พล.ต.ต.สุทธิ กล่าว
นายพันธ์สุธี มีลือกิจ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ต้องขอบพระคุณตำรวจที่เร่งดำเนินการจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด และขอบคุณทางธนาคารที่คืนเงินให้แก่คนเอง รวมถึงขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำให้คดีนี้เป็นที่ทราบของสังคม เพราะพฤติกรรมของคนร้ายแบบนี้เป็นภัยของสังคมและเป็นภัยแก่คนทำมาหากิน ที่สำคัญขอฝากเตือนเพื่อร่วมอาชีพและคนทั่วไป ว่าต้องระวัง เพราะคนร้ายสามารถโจรกรรมเงินของเราได้ทั้งที่ ไม่เคยพบเจอหน้าเราเลย
น.ส.ชุติพร บัวเกตุ อายุ 33 ปี เจ้าของร้านประดับยนต์ ในย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี หนึ่งในผู้เสียหายถูกแก๊งคนร้ายกลุ่มเดียวกัน กล่าวว่าตนเองก็ถูกคนร้ายลักเงินสดไปจากบัญชีธนาคารเป็นจำนวนเงิน 200,000 กว่าบาท วิธีการเดียวกัน ธนาคารเดียวกัน ค่ายโทรศัพท์เดียวกัน ได้แจ้งความไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหาย อีกสองรายก็ถูกคนร้ายแก๊งเดียวกันนี้ลักเอาเงินสดไปจากบัญชี
ขอบคุณเนื้อหาข่าว และ ภาพประกอบ posttoday.co.th
จับได้แล้ว!!แก๊งค์แฮกเงิน 9 แสน หนุ่มประดับยนต์ !!
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม จับได้แล้ว!!แก๊งค์แฮกเงิน 9 แสน หนุ่มประดับยนต์ !!
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!