จับสาวปั้นเรื่อง แอล โอรสขู่ฆ่า

ตร.191 จับหญิงสาวแจ้งความเท็จ ถูก"แอล โอรส"กับแฟน รุมทำร้าย ใช้ปืนข่มขู่ ทั้งอ้างชื่อหญิงสาวที่อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ เป็นคู่กรณี จน ตร.ออกหมายจับ ก่อนที่เจ้าตัวโร่แจงไม่รู้เรื่อง สุดท้าย ตร.ตามสืบจนพบใช้ชื่อปลอม แจ้งความไว้ถึง 5 คดี ทั้งในกทม.และ จ.นนทบุรี เจ้าตัวสารภาพ มีเรื่องตบตีกันจริง ปมจากเรื่องธุรกิจขายสินค้าทางเน็ตและผู้ชาย แต่ไม่รู้ชื่อจริง คู่กรณี จึงแต่งเรื่องโดยเอาชื่อหญิงสาวที่เคยเป็นลูกค้ามาสวมแทน ส่วนแอล โอรส ใช้อ้างเพื่อให้ดูน่ากลัว หวังเรียกร้องความสนใจจากแฟนหนุ่ม

เมื่อ เวลา 14.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(191) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.พรพรหม จักษุรักษ์ รอง ผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล สว.งานสายตรวจ 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน งานสายตรวจ 3 ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.สหธญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 480/2559 ลงวันที่ 10 ส.ค.2559 ข้อหา "แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137,174 โดยจับกุมได้ที่กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการ พิเศษงานสายตรวจ 3

พล.ต.ต. ภาณุรัตน์กล่าวว่า สืบเนื่องน.ส.สหธญา ได้เข้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่สายตรวจตามโครงการ 191 "You"ll never walk alone 191 ทำดี ทำได้ ทำทันที" ว่าถูกน.ส.ภิรมย์ยา กองเงิน อายุ 25 ปี ชาวจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็น ผู้เสียหาย ร่วมกับแฟนหนุ่มชื่อ "แอล โอรส" ทำร้ายร่างกาย ปล้นทรัพย์ และจะพยายาม รุมโทรมข่มขืน ก่อนส่งภาพถูกทำร้ายร่างกายและอาวุธปืนมาให้เจ้าหน้าที่ ทันทีที่พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ทราบเรื่องจึงได้ สั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนอย่าง เร่งด่วน โดยเฉพาะคดีแก๊งโอรสที่สร้าง ความ ความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจสืบสวน

ด้านพ.ต.ท.ปียรัช กล่าวว่าหลังจากสืบค้นข้อมูลทราบว่า น.ส.สหธญาได้มีการแจ้งความดำเนินคดีเดียวกันในหลายพื้นที่ โดยที่สน.ทุ่งสองห้อง จำนวน 3 คดี และที่สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี อีก 2 คดี ซึ่งน.ส.สหธญา ใช้ชื่อตัวเองว่า น.ส.นาทัชชา สายแวว ในการเข้าแจ้งความทั้ง 5 ครั้ง โดยอ้างกับร้อยเวรว่าบัตรประชาชนหาย ทำให้ ผู้เสียหายถูกออกหมายจับที่สภ.รัตนาธิเบศร์ แต่หลังจากตำรวจสืบสวนแล้วจนทราบว่า ผู้เสียหายไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ต่อ มาน.ส.สหธญา ยังได้สร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาอีก โดยใช้ชื่อว่า "Ooy smil" ซึ่งตั้งใจจะทำให้ตำรวจเกิดความสับสน โดยมีการลงภาพที่อ้างว่าถูกแก๊งโอรสทำร้ายลงในบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว หลังจากพบข้อพิรุธหลายอย่าง ว่าเรื่องดังกล่าวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริงทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย เพราะอาจจะถูกดำเนินคดีทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไปดำเนินการขอถอนหมายจับผู้เสียหายที่สภ.รัตนาธิเบศร์ เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่น.ส.สหธญา ให้การสารภาพว่า ตนกุเรื่องขึ้นมาจริง เพราะมีเรื่องราวตบตีกับเพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกันถึง 5 ครั้ง ทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องหึงหวง แต่ตนไม่ทราบชื่อจริงเพื่อนคู่กรณีที่ตบตีกัน จึงอ้างชื่อน.ส.ภิรมย์ยา กองเงิน ผู้เสียหายซึ่งเคยเป็นลูกค้าที่สั่งซื้อครีมผ่านทางเฟซบุ๊กของตน และเห็นว่าน.ส. ภิรมย์ยา อาศัยอยู่ที่จ.เชียงใหม่ เลยไม่คิดว่าตำรวจจะติดตามตัวน.ส.ภิรมย์ยา มาดำเนินคดีได้ ส่วนที่อ้างว่าน.ส.ภิรมย์ยา เป็นแฟนกับแอล แก๊งโอรส นั้นเพื่อต้องการในเรื่องราวดูน่ากลัวและเรียกร้องความสนใจจากแฟนหนุ่ม ซึ่งตนต้องขอโทษกับทางผู้เสียหายด้วย

ส่วนน.ส.ภิรมย์ยา ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนเปิดร้านถ่ายเอกสารอยู่ที่จ.เชียงใหม่ และอยู่จ.เชียงใหม่มาโดยตลอด หลังจากถูกออกหมายจับก็รู้สึกตกใจและเป็นกังวลมาก ไม่ทราบว่าใครเป็นคนไปแจ้งความ เพราะที่ผ่านมาตนเคยมากทม.เพียงแค่ครั้งเดียว คือมาทัศนศึกษากับมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็ ไม่ได้มากทม.อีกเลย จนกระทั่งมีหมายเรียก จากสน.ทุ่งสองห้องมาที่บ้าน เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สภ.ภูพิงค์ จ.เชียงใหม่ ไว้เป็น หลักฐานและเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 เพื่อยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวอ้าง

"นี่ก็ เป็นครั้งแรกที่พบกับผู้ต้องหา โดยส่วนตัวไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหาแต่อย่างใด ที่ผ่านมาสั่งครีมออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊กหลายเจ้า จึงไม่ทราบว่าใครเป็นคนอ้างชื่อ ทั้งนี้อยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ที่ให้การช่วยเหลือสืบสวนจนทราบความจริงจนได้ความยุติธรรม ไม่เช่นนั้นคงถูกดำเนินคดีไปแล้วและไม่รู้ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป" น.ส.ภิรมย์ยากล่าว

ขอบคุณ ::khaosod.co.th