รองผบ.ตร.คอนเฟอร์เรนซ์ติดตามคดีระเบิด 7 จังหวัด ยืนยันการสืบสวนสอบสวนมีความก้าวหน้า เชื่อผู้ก่อเหตุยังอยู่ในประเทศ สั่งด่านตม.เฝ้าติดตาม - บช.ภ.7 ตั้งวัล 2 แสน ให้ผู้ที่แจ้งเบาะแส -ยันจับ"หนุ่ม สันกำแพง"คดีเผาโลตัส หลักฐานชัด
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 14 สิงหาคม ที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) กองบัญชการตำรวจภูธรภาค1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุว่างระเบิด และวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ศปก.ตร.มีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีเพลิงไหม้ และเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ โดยได้กำชับให้มีการเฝ้าระวังเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการดูแลแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้า รวมถึงโรงแรมที่มีชาวต่างชาติพักอาศัย โดยตลอดช่วงเวลา 24 ชม.ที่ผ่านมา การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องต่อไป สำหรับข้อมูลด้านการข่าวไทม่พบว่ามีแนวโน้มว่าจะมีเหตุความสงบหรือสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงกำลังอยู่ต่อไป ไม่มีการผ่อนกำลัง ไม่ว่าจะเป็นจุดตรวจความมั่นคง หรือจุดตรวจตรวจปกติ รวมทั้งจุดตรวจเพิ่มเติม ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ทั้งนี้ สถิติอาชญากรรมที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ลดลงไปเกือบร้อยละ 80 โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงเวลา 24 ชม.ที่ผ่านมา มีเหตุฆ่ากันตายเพียงคดีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อไปว่า หลังเกิดเหตุระเบิดได้มีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามาเป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นเบาะแสที่เกี่ยวกับเหตุระเบิด แต่ถือว่าเป็นความตั้งใจที่ดีของประชาชนที่ช่วยกันสอดส่องดูแลความเรียบร้อย ซึ่งตำรวจก็ไปตรวจสอบทุกจุดที่ได้รับแจ้งเบาะแส สำหรับเรื่องกล้องซีซีทีวี ที่ผบ.ตร.เน้นย้ำว่า ต้องมีความพร้อมในการปฏิบัติงานในทุกจุด ไม่เฉพาะพื้นที่ล่อแหลม ไม่ว่าจะเป็นกล้องของส่วนราชการ หรือเอกชน ขณะนี้ได้มีการปรับแต่งใหม่ทั้งหมด เพื่อให้หันไปทางมุมกล้องที่เจ้าหน้าที่ต้องการในการป้องกันเหตุอาชญากรรม ซึ่งวันนี้จะเป็นการตรวจสอบครั้งสุดท้าย ให้กล้องซีซีทีวีทุกตัวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
รองผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐาน วัตถุพยานต่างๆ ที่พบในที่เกิดเหตุทุกจุด โดยเฉพาะตัวอย่างดีเอ็นเอที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ หรือที่พบในวัตถุพยานต่างๆ ได้นำมาส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานกลาง เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเทียบเคียงกับตัวอย่างดีเอ็นเอหรือวัตถุพยานที่เก็บไว้จากเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ โดยขณะนี้วัตถุพยานบางส่วนเปรียบเทียบแล้วเสร็จ และได้ส่งกลับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ ตรงนี้ถือเป็นหลักฐานทางนิติวิทยศาสตร์ที่สำคัญ การสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีระเบิดครั้งนี้ตำรวจให้น้ำหนักพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะดีเอ็นเอ เป็นสิ่งที่จะมัดตัวผู้ต้องหา ไม่สามารถผฏิเสธได้ ซึ่งเรายืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ภายใต้กรอบกฎหมาย
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การกระทำผิดที่เกิดขึ้นทั้งหมดทุกจุดมีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน และเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการ ภายใต้การบงการ หรือสั่งการของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งขบวนการนี้อาจจะมีสิบคนหรือยี่สิบคน ขณะนี้ตำรวจก็มีเบาะแสที่จะดำเนินการ ส่วนจะมีมูลเหตุเรื่องใด ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอให้การสืบสวนสอบสวนแล้วเสร็จ แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างแน่นอน ขณะนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างต่อภาพเล็กๆ ให้เป็นภาพใหญ่ การทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ฉะนั้นใครก็ตามเป็นบุคคลต้องสงสัยและน่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะถูกเชิญตัวไปสอบสวนข้อเท็จจริง สอบถามข้อมูลต่างๆ ซึ่งใครก็ตามที่มั่นใจว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เคยคิดร้ายต่อประเทศ ไม่มีความโยงใย ท่านไม่ต้องกังวลใจ ผบ.ตร.ให้ความมั่นใจว่าการดำเนินคดี การออกหมายจับ รวมท้ังการจับกุมผู้กระทำความผิดอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย รวมทั้งพยานหลักฐานที่ได้มาจากที่เกิดเหตุ ทั้งพยานบุคคล ที่เป็นประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม และกล้องซีซีทีวี ซึ้่งขณะนี้พยานหลักฐานเหล่านี้มีความชัดเจนที่จะนำไปสู่การออกหมายจับผู้ที่ก่อเหตุ
"อยากฝากไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากท่านสำนึกผิด ขอให้มาพบเจ้าหน้าที่ เพราะ พยานหลักฐานทุกชิ้น เป็นจิ๊กซอว์ที่ปะติดปะต่อ และภาพใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นความต้องการของผบ.ตร.ที่จะเปิดะโปงขบวนการนี้ ว่ามีใครเป็นผู้อยู่เบื่องหลัง และใครอยู่ร่วมขบวนการบ้าง ขณะนี้ค่อยๆ มีความชัดเจนมากขึ้น การสืบสวนมีความก้าวหน้าตามลำดับ ขณะเดียวกันจากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้งหมดที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวมา ทุกคนให้การเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน ยืนยันว่าวันนี้การสืบสวนมีความก้าวหน้ามากขึ้นทุกจุด"รองผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า สำหรับกรณีการจับกุมตัวนายศักรินทร์ คฤหัส อายุ 32 ปี ชาวจ.เชียงใหม่ เป็นการจับตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งนายศักรินทร์ เป็นผู้ต้องหาผู้ที่ก่อเหตุลอบวางเพลิงห้างโลตัส นครศรีธรรมราช โดยคดีนี้พนักงานสอบสวนมีข้อมูลชัดเจนว่าการกระทำเกิดขึ้นตรงไหน อย่างไร ก่อนจะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมีทั้งวัตถุพยานและภาพจากกล้องซีซีทีวี นำเสนอศาลจนมีการอนุมัติหมายจับ ล่าสุด พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 เดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ด้วยตนเอง ยืนยันว่ายังมีอีกหลายส่วนที่กำลังดำเนินการเช่นเดียวกันกับที่ จ.นครศรีธรรมราช หากมีพยานหลักฐานชัดเจนครบถ้วนก็จะดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมาบจับ ทั้งนี้ สำหรับคดีวางเพลิงอาจจะขึ้นกับศาลจังหวัด แต่คดีระเบิดจะขึ้นกับศาลทหาร ยืนยันว่าขณะนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพียงรายเดียว ที่จ.นครศรีธรรมราช
"การจะออกหมายจับเพิ่มก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน หากถึงใครก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่ก่อนถึงกระบวนการออกหมายจับ ก็มีการเชิญตัวมาสอบปากคำ ที่ผ่านมาทุกคนที่ถูกเชิญตัวมาสอบปากคำได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจไม่มี แต่มีบางกลุ่มที่ฝ่ายทหารเชิญตัวไปเป็นไปตามกฎหมายที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งขอไม่เปิดเผยว่ามีจำนวนผู้ต้องสสงสัยกี่คนที่ถูกเชิญตัวไป ซึ่งทหารกับตำรวจเราทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้เร่งรัดการทำงานของตำรวจ แต่ได้กำชับว่าให้ทำตามกฎหมาย เป็นไปตามพยานหลักฐาน แต่ทุกฝ่ายต้องการให้มีการเปิดโปง ขบวนการนี้ จึงเป็นเรื่อวงที่เราต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ" รองผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า สำหรับเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุดได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวส ผบช.ภ.7 ได้รับรายงานว่าทางบช.ภ.7 มีการตั้งรางวัล 200,000 บาท สำหรับผู้ทีให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการสืบสวน ไม่จำเป็นต้องจับกุมคนร้ายได้ เพราะเชื่อว่าคนในพื้นที่น่าจะมีข้อมูลในส่วนนี้ ขณะเดียวกันได้รับรายงานจากสตม.ว่า ผู้กระความผิดเชื่อว่ายังอยู่ในประเทศ เนื่องจากได้ตรวจสอบตามด่าน ตม.ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด่านท่าอากาศยาน ด่านตรวจคนเข้าเมืองชายแดน 53 แห่ง ทั่วประเทศ ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวการเดินทางเข้า-ออก ของบุคคลต้องสงสัยที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้มีการประสานให้ติดตาม
ผู้สื่อข่าวถามว่าขบวนการที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นขบวนการระดับประเทศหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ เพราะเป็นความลับด้านการสืบสวนสอบสวน แต่ยืนยันว่าเป็นกลุ่มขบวนการแน่นอน เพราะการก่อเหตุครั้งนี้ไม่สมารถทำโดยลำพังได้ เชื่อว่ามีการสั่งการ จากการตรวจสอบพบมีความเชื่อมโยงของวัตถุพยานทุกจุด ขณะนี้เราสามารถปะติดปะต่อเป็นภาพใหญ่แล้ว และจะนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุต่อไป
ขอบคุณ matichon.co.th