กรณีนางศิริกานต์ ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ แม่ค้าขายของชำใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับ นายระพีพัชร หรือแนท ลูกชายวัย 28 ปี ที่ขโมยเงินกดจากเอทีเอ็มของแม่ไปใช้จ่ายและให้วีเจสาวในไอโชว์เป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาท ซึ่งหลังแจ้งความเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ขอภาคทัณท์เพื่อรอดูพฤติกรรมลูกชายว่าจะตัดใจจากวีเจสาวและเลิกติดต่อได้หรือไม่นั้น ขณะที่วีเจสาวยืนยันว่าได้รับเงินจากนายระพีพัชรเพียง 3 แสนกว่าเท่านั้น จากการจ่ายเป็นค่าซื้อของในระบบไอโชว์และโอนให้ใช้จ่ายส่วนตัว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าช่วงบ่ายวันที่ 22 ก.ค. นางศิริกานต์ ได้พา นายระพีพัชร ลูกชาย เข้าพบ ร.ต.อ.ประชิด สมาฤกษ์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เสนา เพื่อยืนยันว่าต้องการที่จะดำเนินคดีกับ นายระพีพัชร ลูกชายของตนเองในข้อหาลักทรัพย์ของมารดา โดยมี พ.ต.ท.เชิดศักดิ์ นัยนา รองผกก. (สอบสวน) พ.ต.ท.สุกรี ผ่องโอภาส รองผกก.สส. ให้คำปรึกษาข้อกฎหมาย โดยนางศิริกานต์มีท่าทางอิดโรย หน้าตาซูบเหมือนคนไม่ได้นอน ส่วน นายระพีพัชร มีสีหน้าเหม่อลอยไม่พูดคุยกับแม่สักคำเดียว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำทั้ง 2 คน ก่อนนำตัวนายระพีพัชรไปพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อทำประวัติ
นางศิริกานต์ เปิดเผยด้วยท่าทีเหนื่อยล้าว่า การมาแจ้งความวันนี้ เนื่องจากได้พูดคุยกับนายระพีพัชรแล้ว แต่นายระพีพัชรไม่บอกว่าได้นำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง นอกเหนือจากการให้กับบรรดาวีเจสาว และยังมีท่าทีว่า อยากที่จะคบกับวีเจสาวอีก ซึ่งเดิมตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขอดูพฤติกรรม 7 วัน เพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ แต่คิดแล้วว่าอย่างไรก็ตามเมื่อครบกำหนด 7 วันก็จะต้องดำเนินคดีอยู่ดี จึงได้พามามอบตัวให้ตำรวจดำเนินคดีเลย เนื่องจากเห็นว่าการที่ลูกขโมยเงินแม่ถือเป็นความผิดที่ลูกควรรับโทษ ส่วนเรื่องที่ลูกจะเอาเงินไปให้ใครหรือจ่ายอะไรบ้าง ณ เวลานี้ตนไม่อยากทราบแล้ว และคิดว่าคงไม่มีทางได้เงินคืนจากวีเจสาวแล้วด้วย ซึ่งตนก็ไม่ติดใจที่จะเอาผิดกับวีเจสาว เพราะลูกก็ย้ำนักย้ำหนาว่าเอาไปให้เพราะความเสน่หา จึงอยากจะบอกผ่านไปยังวีเจสาวว่าตนรู้สึกเสียดายเงินทุกบาทที่ลูกเอาไปแบบไร้ประโยชน์ แต่ก็ไม่สามารถจะทวงคืนจากไหนได้ ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยและอับอายพอสมควรที่มีลูกไม่ดี ขอให้เป็นอุทาหรณ์ของคนที่จะเข้าไปเล่นในแอพลักษณะนี้