เหตุเกิดที่บริเวณป่ายูคาลิปตัสข้างทาง ริมถนนสายคูเมือง-ลำปลายมาศ ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลาประมาณ 23.40 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เหยื่อยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โดยยังมีร่องรอยบอบช้ำตามใบหน้าและร่างกาย แต่สภาพจิตใจยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งแพทย์และญาติยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
โดยหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีไปกบดานอยู่บ้านญาติที่ จ.จันทบุรี กระทั่งล่าสุดตำรวจชุดสืบสวน สภ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับกองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 กองกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และชุดสืบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ร่วมกันนำหมายศาลเข้าจับกุมตัว นายปกครองตามหมายศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ จ.183/2559 ลงวันที่ 19 ก.ค.2559 ข้อหา "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น เพื่อสนองความต้องการของผู้กระทำ โดยใช้กำลังประทุษร้าย และลักทรัพย์ของผู้อื่น" พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง สีขาว ของผู้เสียหาย ได้ที่บ้านพักคนงานภายในสวนไม่ทราบชื่อ ถ.เทศบาลสาย 1 ซอย 4 ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ดังกล่าว
จากการสอบถามนายปกครอง ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุถีบรถจักรยานยนต์และข่มขืน ทั้งทำร้ายร่างกายน.ส.ดาวจริง เนื่องจากเกิดอารมณ์ชั่ววูบ หลังตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อนในหมู่บ้าน พอเมาได้ที่ก็เกิดอารมณ์ เมื่อเห็นเหยื่อขับรถสวนทางผ่านมาจะไปเข้าเวรกลางดึก จึงขับรถตามแล้วถีบรถน.ส.ดาวล้มลง ก่อนลากตัวลงป่ายูคาลิปตัสข้างทางพร้อมลงมือข่มขืนแล้วหลบหนีไปบ้านตัวเอง จากนั้นนั่งรถโดยสารประจำทางไปลงที่ บขส.บุรีรัมย์ ก่อนนั่งรถโดยสารหลบหนีไปยังจ.นครราชสีมา และต่อรถโดยสารไปบ้านญาติที่อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ก่อนตำรวจจับกุมดังกล่าว
ก่อนหน้านี้นายปกครอง เคยก่อเหตุข่มขืนนักเรียนหญิงชั้นป.6 ซึ่งเป็นแฟนสาวของตัวเอง แต่ญาติผู้เสียหายไม่ได้แจ้งความเอาผิด เพียงตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันเท่านั้น จึงทำให้เกิดความย่ามใจ แล้วมาลงมือก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บ้านของผู้ต้องหาและผู้เสียหายอยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร และรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่คาดคิดว่าจะกระทำกับคนที่คุ้นเคยกันตั้งแต่เด็กได้
ทั้งนี้ จากการสอบประวัติ พบว่าผู้ต้องหาเคยมีคดีหลายคดี ทั้งข่มขืนกระทำชำเรา ลักทรัพย์ เคยถูกจับกุมดำเนินคดีและติดคุกมาแล้ว ตั้งแต่อายุ 16 ปี แต่พ้นโทษออกมาก็ยังไม่ซ้ำนึกกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก ขณะญาติและชาวบ้านก็ถือป้ายประท้วง เรียกร้องให้มีการประหารชีวิตผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุกระทำรุนแรงและอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวความผิด
ด้าน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนใจแก่ประชาชนและสังคมเป็นอย่างมาก ส่วนกรณีที่ญาติไม่พอใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายล่าช้านั้น ก็จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และกรณีที่ญาติกังวลว่าผู้ต้องหามีญาติเป็นคนสนิทของนักการเมืองในพื้นที่นั้น อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับเรื่องคดีนั้น ก็ขอยืนยันว่า พร้อมจะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบวนคดีดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจากพฤติกรรมการกระทำของผู้ต้องหา ก็จะรวบรวมพยานหลักฐานจากผู้เสียหายแล้ว แจ้งข้อหา "พยายามฆ่า" เพิ่มเติมอีกด้วย
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ คุมตัวนายปกครอง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ โดยมี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ควบคุมการทำแผนด้วยตัวเอง ซึ่งขณะทำแผนต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 50 นาย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีญาติและชาวบ้านมาเฝ้าติดตามการทำแผนหลายร้อยคน และขณะทำแผนก็มีญาติและชาวบ้านตะโกนสาบแช่ง และกรูกันเข้ารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาด้วยความโกรธแค้น จนเกิดการชุลมุน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยกเลิกการทำแผน และรีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถออกจากจุดทำแผนทันที