จับ นศ.โหด ฆ่าขุดหลุมฝังแฟนสาว! จากรักเป็นแค้น อ้างยืมทองแล้วขอเลิก

นศ.หนุ่มปี 4 ม.ดังเมืองคอน ต้องหมดอนาคตจากอารมณ์แค้นและหึงหวงของตัวเอง เมื่อแฟนสาวรุ่นพี่ขอเลิกหลังจากยืมทองหนัก 5 บาทไปจำนำ พาขี่รถเข้าไปในป่าไผ่เตะปลายคางก่อนบีบคอแน่นิ่ง แล้วขุดหลุมฝัง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่รอด

วันที่ 16 ก.ค. ร.ต.อ.พงษ์วุฒิ วุฒิพงศ์ รอง สว.สอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับการประสานงานจาก พ.ต.ต.ปฏิวัติ ขุนวัง สว.สส.สภ.ทุ่งสง ว่าได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีฆ่าฝังศพไว้ได้ 1 ราย และได้ทำการสอบสวนขยายผลตลอดทั้งคืนจนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ฆ่าแฟนสาวซึ่งเป็นนักศึกษารุ่นพี่ฝังศพทิ้งไว้ในพื้นที่ อ.ทุ่งใหญ่ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ พ.ต.ท.ชันภัทร ศรีเรือง รอง ผกก.สส.หลัง พ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.ทราบ และรายงานต่อไปยัง พล.ต.ต.วันไชย เอกพนพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผาชู รอง ผบก. พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ รอง ผบก.สส.

จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหา คือ นายทัตพงศ์ หรือเอ็ม พรหมชัยศรี อายุ 22 ปี อยู่หมู่ 7 ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ สภ.ทุ่งสง ในข้อหาฆ่าคนตาย มาชี้จุดที่เกิดเหตุ ในป่าไผ่บ้านบ่อช้าง หมู่ 7 ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องจอดรถยนต์สายตรวจและรถยนต์ 191 ไว้ริมถนนสายควรประชาสรรค์-บ้านบ่อปลา จากนั้นพากันเดินเท้าเข้าไปในป่าไผ่ลึกร่วม 1 กม. พบจุดที่ฝังศพ จึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิใต้เต็กตึ๊งทุ่งใหญ่ทำการขุดหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึกเกือบ 2 เมตร เพื่อนำศพขึ้นมา ทราบชื่อผู้ตายคือ นางสาวพรธิดารัตน์ หรือแพน ศรีวิเชียร อายุ 23 ปี บ้านอยู่ ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน อ.ทุ่งสง เรียนจบแล้วรอรับปริญญาในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ สภาพศพเน่าอืดเนื้อหนังหลุดลอกออกไปทั้งตัว อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าที่บริเวณใต้คางมีบาดแผล และลำคอมีรอยเขียวช้ำ

สอบสวนนายทัตพงศ์ ผู้ต้องหาให้การว่า ตนเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเดียวกันกับผู้ตาย ซึ่งเป็นแฟนสาว คบหากันมาได้ 7 เดือน ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้มาขอยืมสร้อยคอทองคำของตนน้ำหนัก 5 บาท ไปจำนำไว้ที่ร้านทองแห่งหนึ่งใน อ.ทุ่งสง ในราคา 85,000 บาท โดยบอกว่าจะเอาเงินไปทำธุระ ไม่นานจะหาเงินมาไถ่คืนให้ แต่หลังจากนำสร้อยคอของตนไปจำนำ ระยะหลังผู้ตายเริ่มมีนิสัยเปลี่ยนไป จนกระทั่งตนมาจับได้ว่าผู้ตายกำลังจะกลับไปคบกับแฟนคนเก่า ยิ่งทำให้ตนคิดมากและเกิดความหึงหวงขึ้นมา

ผู้ต้องหาให้การต่อว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาขณะที่ตนออกไปฝึกงานนอกสถานที่และกลับเข้ามาที่หอพักในช่วงบ่าย ไม่พบกับนางสาวธิดารัตน์ และพบว่าเสื้อผ้าของแฟนสาวที่อยู่ในห้องก็ไม่มีสักตัว กลับพบจดหมายบอกเลิกในทำนองว่า "ที่ผ่านมาหนูขอโทษที่โกหกพี่มาโดยตลอดหนูไม่ได้รักพี่จริงหวังเป็นเพียงคบกันไปเล่นๆ" ตนจึงได้ออกตามหาแฟนสาว จนไปพบว่าอยู่กับเพื่อนสาวที่หน้าค่าย ตชด.ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง จึงเรียกมาพูดคุย พร้อมกับบอกไปว่าให้ไปพบกับแม่ของตนที่ อ.ทุ่งใหญ่ เพื่อจะให้เคลียร์เรื่องที่ขอยืมสร้อยคอทองคำของตนไปจำนำไว้ จนผู้ตายยอมตกลงนั่งรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีขาว ไม่ทราบทะเบียนของผู้ตายไปกับตน

ปรากฏว่า เมื่อถึงบ้านไม่พบแม่ และระหว่างนั้นเกิดมีปากเสียงกันขึ้นอย่างรุนแรง ผู้ตายจึงบอกให้ตนพากลับมาที่หอพักเพื่อจะตกลงอะไรบางอย่าง จึงออกอุบายว่าเดี๋ยวจะไปส่ง จากนั้นก็ขี่รถพาเข้าไปในป่าไผ่ที่อยู่ลึกห่างจากถนนเกือบ 1 กม. เห็นว่าปลอดคนจึงจอดรถกลางป่าไผ่ โดยที่มีผู้ตายนั่งอยู่บนเบาะหลัง จากนั้นใช้เท้าเตะไปที่ปลายคางจนผู้ตายตกลงไปนอนหงายหลังอยู่กับพื้น แล้วตรงเข้าบีบคอด้วยความแค้นจนผู้ตายแน่นิ่งไป ก่อนจะแบกร่างที่หมดสตินำไปวางไว้ในป่าลึก แล้วย้อนกลับมาที่บ้านเพื่อจะนำจอบไปขุดหลุมฝังไว้ในป่าไผ่ในช่วงเวลาประมาณหกโมงเย็น แล้วขี่รถของผู้ตายกลับมาที่หอพักใน อ.ทุ่งสง ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งวันที่ 15 ก.ค.ช่วงเย็น ตำรวจ สภ.ทุ่งสง ได้เข้าจับกุมตัวขณะที่กำลังดื่มน้ำต้มกระท่อม นำตัวมาไปสอบสวนจนยอมรับสารภาพและนำตัวมาชี้ที่เกิดเหตุ.