ปืนลั่นใส่ลูกน้อง กลัวความผิดรีบนำศพไปฝั่ง
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 5 ส.ค. ขณะที่ ร.ต.ท.วิโรจน์ รัตนไตรเจริญ พงส. (สบ1) สน.บางชัน ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนอยู่บนโรงพัก ได้มีนายมงคล คำฮต อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 1 ซอยรามอินทรา 109 แยก 30 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เดินทางไปพบ พร้อมแจ้งวัตถุประสงค์ว่าต้องการมอบตัว นายมงคลให้การในเบื้องต้นว่า ทำปืนลั่นถูกนายกฤษฎา หนองแคน อายุ 17ปี ลูกน้องที่ทำงานอยู่ด้วยกันเสียชีวิต จากนั้นนำศพไปฝังไว้ในป่าหญ้าหลังบ้านเพราะกลัวความผิด ต่อมาคิดได้ว่าน่าจะมามอบตัวเพื่อโทษหนักจะได้เป็นเบา จึงมาพบตำรวจดังกล่าว หลังทราบเหตุ ร.ต.ท.วิโรจน์จึงประสานไปทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว บริเวณป่าหญ้าด้านหลังห่างจากตัวบ้านประมาณ 20 เมตร
เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวเกือบ 2 เมตร ลักษณะเหมือนเพิ่งกลบได้ไม่นาน หลังจากลงมือขุดลึกลงไปประมาณครึ่งเมตรก็พบศพนายกฤษฎา ในสภาพนอนหงายสวมกางเกงขาสั้นสีเหลืองตัวเดียวอยู่ในหลุม ทั่วทั้งร่างเลอะเทอะเพราะหมกอยู่ในดินโคลนที่เฉอะแฉะ ตรวจสอบเบื้องต้นพบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกซองเกาะเป็นกลุ่มบริเวณใบหน้ารวม 7 นัด จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อผ่าพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นนายมงคลนำตำรวจไปชี้จุดที่ทิ้งปืนซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มีปลอกกระสุนปืนลูกซองคาอยู่ในลำกล้อง 1 ปลอก จึงเก็บไปเป็นหลักฐาน
นายมงคลให้การว่า ทำงานรับจ้างทั่วไป
ตั้งแต่งานปูน ทาสี ตีฝ้าเพดาน โดยมีนายกฤษฎาเป็นลูกน้อง เมื่อเย็นวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ขับรถกระบะอีซูซุ สีเขียว ทะเบียน ลพ 9331 กรุงเทพมหานคร พาผู้ตายไปดื่มสุราร้องคาราโอเกะที่ร้านแห่งหนึ่งย่านร่มเกล้า กระทั่งค่ำภรรยา ซึ่งเป็นพนักงานขายของหน้าร้าน อยู่ในตลาดรามอินทรา กม.9 โทรศัพท์ให้ไปรับที่ร้าน จึงพานายกฤษฎาไปด้วย จากนั้นได้พาภรรยาย้อนกลับไปดื่มกินที่ร้านเดิม ส่วนนายกฤษฎามีอาการเมามากแล้ว ขอตัวนอนพักอยู่บนกระบะท้ายรถ
กระทั่งเที่ยงคืนเศษขณะจะขับรถกลับบ้าน
จึงดึงปืนลูกซองสั้นที่พกเหน็บเอวไว้ตลอดออกมา เพื่อจะเอาไปเก็บเพราะกลัวถูกด่านตำรวจตรวจค้น แต่ปรากฏว่าปืนติดอยู่กับซองปืนจึงออกแรงกระชาก เป็นเหตุให้ปืนลั่นเปรี้ยง ด้วยความตกใจจึงรีบขับออกมา เมื่อกลับไปถึงบ้านพอลงไปเรียกนายกฤษฎากลับพบว่ากลายเป็นศพไปแล้ว โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกซองเข้าที่บริเวณใบหน้า ตอนนั้นกลัวความผิดมาก จึงรีบอุ้มศพลงจากรถเอาไปขุดหลุมฝังที่หลังบ้านแล้วรีบล้างคราบเลือดที่ติดอยู่บนกระบะท้าย ส่วนปืนโยนทิ้งไว้แถวนั้น
ตอนแรกตั้งใจว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่มีความรู้สึกว่าเครียดมาก
เลยไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้มารดาฟัง ได้รับคำแนะนำให้รีบเข้ามอบตัว อาจจะได้รับการบรรเทาโทษ จึงตัดสินใจเข้าพบตำรวจดังกล่าว สำหรับปืนของกลางเป็นปืนที่เก็บได้และพกติดตัวมานานหลายเดือนแล้ว ไม่ได้หาซื้อมาแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.สันติ แสงเพ็ญจันทร์ ผกก.สน.บางชัน กล่าวว่า
เบื้องต้นจากคำให้การของผู้ต้องหาทางพนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะปืนไม่ใช่ว่าจะลั่นกันง่ายๆ ดังนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนออกหาข้อมูลในทางลึกว่า นายมงคลกับผู้ตายนายกฤษฎาเคยมีปัญหาขัดแย้งอะไรกันหรือไม่ หรือขัดผลประโยชน์อะไรกันหรือเปล่า ในชั้นนี้จึงแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่น ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ส่วนข้อหาอื่นๆอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะที่ผู้ต้องหายังยืนยันตามคำให้การเดิม