ยึดที่เศรษฐีรุกป่า400ไร่ ฉุนแจ้งความ จนท. บุกรุก

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. นายพัทยา  แวววุฒินันท์  หัวหน้าป้องกันรักษาป่าที่นครราชสีมา 7 จ.ส.อ.วีระพันธ์ สีหาทิพย์ รองหัวหน้าชุดทหารประสานงานประจำอำเภอด่านขุนทด และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หินดาด เข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านและคอกวัวตั้งอยู่บนพื้นที่ป่าต้นน้ำโซน c บนเนื้อที่ 419 ไร่ ริมบริเวณเชิงเขาพื้นที่ติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าบ้านเสาร์ห้า ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา 

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบผู้ดูแลและผู้อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวหลายคนที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของเจ้าของที่ดังกล่าวทำการต่อรองต่อเจ้าหน้าที่พร้อมอ้างว่าเข้ามารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างโดยไม่มีหนังสือแจ้งให้ทราบมาก่อนพร้อมทั้งอ้างว่าไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ  จึงขอให้เจ้าหน้าที่ชี้หมุดหลักฐานให้ชัดเจนแต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟังยังคงดำเนินการรื้อถอนทุบสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด   สุดท้ายผู้อ้างว่าเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวได้ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ยกเว้น การรื้อถอน บ้าน 2 หลังเอาไว้ก่อน โดยจะขอปรึกษากับนางนงลักษณ์  ลิ้มชูวงศ์ เจ้าของธุรกิจร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในอำเภอด่านขุนทดและอำเภอต่างๆ  พร้อมทั้งรับปากกับเจ้าหน้าที่ทหารว่าจะทำการรื้อถอนบ้านที่ขอไว้ 2 หลัง เองภายในวันที่ 15 ก.ค.

นายพัทยา กล่าวว่า ทั้งนี้หลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติดงกระสังลำพญากลางคาบเกี่ยวอำเภอด่านขุนทดอำเภอเทพารักษ์และยังเป็นป่าต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก จึงได้มีการปิดประกาศแจ้งให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกภายใน30 วัน เมื่อถึงเวลายังไม่ได้ดำเนินการ เจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจเข้าดำเนินการ นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และนายทุนต่าง ๆ เข้าบุกรุกแผ้วถางป่าไม้เป็นจำนวนมาก กลายเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม โดยพื้นที่ในบริเวณติดกันดังกล่าวพบกว่า 4,000 ไร่ ที่มีการบุกรุกเช่นกันและจะเร่งตรวจสอบสืบสวนเพื่อส่งดำเนินคดีต่อไปและหากพบว่ามีนักการเมืองท้องถิ่น มีส่วนก็จะดำเนินการยึดคืนแผ่นดินต่อไป.

ด้าน พ.ต.ท.สายชล ศรีเมือง  สว.(สอบสวน) สภ.หินดาด จ.นครราชสีมา กล่าวว่า  นายสมชาย ลิ้มชูวงษ์ สามีของนางนงลักษณ์ ลิ้มชูวงษ์ ได้เข้าแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฐานบุกรุกพื้นที่เข้ามารื้อถอนและทุบสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวโดยไม่มีหนังสือของเจ้าหน้าที่มาแจ้งมาก่อนอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป  

วันเดียวกันนายสรรเสริญ  อัจจุตมานัส  เลขาธิการสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)เปิดเผยกรณีปัญหาที่ดินส.ป.ก.ส่วนใหญ่อยู่ในมือนักการเมืองและนายทุนผู้มีอธิพลอาจไม่มาเข้ากระบวนการเรียกคืนที่ดินตามมาตรา 44 ว่า นักการเมืองพวกนี้จะไม่ปรากฏตัวและไม่ยอมเข้ากระบวนการพิสูจน์สิทธิการถือครอง ซึ่งถือเป็นเรื่องของนักการเมืองไม่มาไม่มีปัญหาอะไรทางส.ป.ก.จังหวัดก็ยึดที่ดินมาจัดสรรให้เกษตรกรทันที

"การข่าวในพื้นที่แจ้งมาตลอดว่ามีนักการเมืองทุกระดับถือครองที่ดินส.ป.ก.เกือบ 50%  โดยที่ส.ป.ก.ยังไม่ได้รางวัดกว่า 2 ล้านไร่กำนันผู้ใหญ่บ้านไม่รับรอง แล้วพอเจอผู้มีอิทธิพล ก็ไม่กล้ารายงานชื่อ วันนี้จึงขอใช้ ม.44 มาแก้ปัญหาไปสู้กับฝ่ายการเมืองช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะมาทำปัญหาปลายทางให้เข้าสู่กระบวนการส่วนต้นทางให้คนพวกนี้มาพิสูจน์สิทธิกับเรา ถ้าเป็นเกษตรกรให้เท่าที่สิทธิตามกฎหมายรายละ 25-50 ไร่ กลไกนี้ประนีประนอมไม่ได้ใช้กำลังทหารทั้งหมด จึงเริ่มจัดการที่แปลง 500 ไร่ ผู้ถือครองขนาดใหญ่และแก้ปัญหานอมินีไม่ใช่รังแกเกษตรกร ซึ่งกรณี จ.กาญจนบุรี ที่ปรากฏมีที่ปรึษาบริษัทแลนแอนเฮาส์ ถือครองต้องยึดทั้งหมด ร่วมถึงวัดถ้ำเสือ มีรุกล้ำกว่า 2 พันไร่ยึดมาจัดได้เลย" เลขาฯสปก.กล่าว

ทั้งนี้จำแนกผู้ถือครองรายใหญ่ มี 5 กลุ่มคือนักการเมืองระดับชาติ ท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เศรษฐีคนรวยซื้อไว้นานสมัยพวกที่ทำสัมปทานป่าไม้ จับที่ดินไว้เยอะมาก รวมทั้งพวกหัวหน้า และคนงานตัดไม้ก็จับจองไว้  ตอนนี้ทำแผนที่เป้าหมายเสร็จแล้ว125 แปลง116.266 ไร่ ส่งให้12 จังหวัด เช่นกำแพงเพชร 51,889 ไร่ กาฬสินธุ์ 742.59 ไร่ชัยภูมิ 2,784 ไร่ นครราชสีมา 111,074 ไร่ บุรีรัมย์ 871 ไร่ อุดรธานี 6,859 ไร่กาญจนบุรี 13,663 ไร่ ตราด3,523 ไร่  ลพบุรี40,997 ไร่ กระบี่ 13,951 ไร่ ชุมพร 7,578 ไร่ ยะลา 2,482 สุราษฎาธานี 9,842 ไร่เป็นเป้าหมายแรกที่เข้าปักป้ายโดยกำชับให้ทางจังหวัดเปิดทำการทุกวันในช่วงวันหยุดเข้าพรรษา5 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือครองมาแจ้งคำร้องยื่นเอกสารต่างๆ

นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 20 ก.ค.ตนพร้อมเดินหน้าเฟสสองใช้มาตรา44 เรียกคืนที่ดินมีการซื้อขายเปลี่ยนมือตั้งแต่ 100ไร่ขึ้น พบจากภาพถ่ายทางอากาศชี้เป้าตรวจสอบ 2.6หมื่นแปลงใช้ที่ดินลักษณะผิดปกติกระจายสิทธินอมินี ทั้งนี้ได้ออกกฎเหล็กป้องกันเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจตรวจสอบในด่านแรกผู้ถือครองสามารถนำชี้แนวเขตและระบุแนวเขตได้ มีหลักฐานการเสียภาษี หรือ ภบท.5เอกสารไปกู้ธกส.กู้กองทุนที่ดิน มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและด่านที่สองเรียกตัวมาพบ เรียกดูเอกสารส.ป.ก.4-01 หากขายแล้วจะไม่มีเอกสารส.ป.ก.4-01ถ้าผ่าน2 ด่านนี้ การตรวจสอบเปลี่ยนมือ ถือว่าสิ้นสุด