ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำตรวจได้จับตัวนายชาตรี ร่วมสูงเนิน หนุ่มข้างห้อง ที่เพิ่งพ้นโทษจากคุกออกมา ตรวจสอบประวัติย้อนหลังเคยก่อนเหตุคดีข่มขืน กระทำชำเรา ช่วงปี 2557 ศาลสั่งจำคุก 2 ปี จากนั้นพ้นโทษออกมาเมื่อกุมภาพันธ์ 2558
เกิดข้อสงสัยว่าทำไมพ้นโทษออกจากเรือนจำเร็วกว่าปกติหรือไม่ อย่างไร และหลังจากนี้ถ้าเข้าไปในเรือนจำรอบใหม่จะเป็นอย่างไร
เมื่อได้สอบถาม "อธิบดีกรมราชทัณฑ์" และผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำข้อสงสัย ประเด็นคำถาม มานำเสนอ
นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกว่า หลังจากนี้กรมราชทัณฑ์มีขั้นตอนการควบคุมซึ่งเป็นหน้าที่ของเรือนจำในการพิจารณาเพื่อความเหมาะสม และป้องกันไม่ได้เกิดการทำร้ายให้เกิดขึ้น และที่ผ่านมาเรือนจำหลายแห่งก็รับผู้ต้องขังก่อเหตุคดีสะเทือนขวัญ มาอยู่ในความควบคุมอยู่แล้ว หลังจากนี้จะต้องเน้นการพัฒนาจิตใจกลุ่มผู้ต้องขังมากขึ้น
"ส่วนนายชาตรี ที่เคยเป็นอดีตผู้ต้องขังในคดีกระทำชำเรามาก่อนนี้ ดังนั้นเมื่อศาลตัดสิน กลายเป็นนักโทษเด็ดขาดตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ที่ระบุว่าหากพบว่าผู้ต้องขังรายใดก่อเหตุหรือกระทำผิดซ้ำ ต้องโทษกลับเข้ามาในเรือนจำอีก ภายใน 5 ปี นับจากวันพ้นโทษ จะได้รับการจัดชั้นนักโทษ เป็นชั้นเลว ซึ่งจะถูกตัดสินต่างๆ เช่นไม่ได้รับการลดวันต้องโทษ เลื่อนชั้น และจะไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามกฤษฎีกาอภัยโทษ และหากในช่วง 5 ปี พฤติกรรมยังไม่ดีขึ้น ไม่สำนึก ก็จะเลื่อนระยะเวลาอีก"
ทั้งนี้ยังพบข้อมูลประวัติผู้ต้องขัง ของกรมราชทัณฑ์พบว่า สำหรับนายชาตรี ร่วมสูงเนิน เคยเป็นนักโทษในคดีข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น ในพื้นที่ จ.สระบุรี เคยต้องโทษจำคุกที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 ในความผิดฐานกระทำชำเรา ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี จากนั้นย้ายจากเรือนจำจังหวัดสระบุรี ไปเรือนจำจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2558
โดยขณะนั้นเป็นนักโทษชั้นดี เพื่อฝึกวิชาชีพ จากนั้นได้เลื่อนเป็นนักโทษชั้นดีมาก เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 เนื่องจากได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ลดโทษจำคุก 4 เดือน 24 วัน จึงเหลือโทษจำคุก1 ปี 7 เดือน 6 วัน ครบกำหนดพ้นโทษ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา ทั้งนี้หากเข้าต้องโทษเข้าเรือนจำใหม่ จะต้องถูกจัดเป็นชั้นเลว เนื่องจากการกระทำความผิดอีกภายใน 5 ปี และจะไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ