สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตลายดอกสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นสีขาว ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ ตาถลน ลิ้นจุกปาก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 ส.ค. พ.ต.ท.ภูมิยศ เหล็กกล้า พงส.(สบ 2) สน.บางรัก รับแจ้งพบศพในห้องพักเลขที่ 916 โรงแรมพลาซ่าโฮเต็ล ใกล้แยกสุริวงศ์ตัดนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม. ไปตรวจสอบ เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว สูง 9 ชั้น ห้องเกิดเหตุอยู่ชั้น 9 ภายในห้องพบศพนางสายพิน ทองรอด อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 644 แขวงสามเสนใน เขตดุสิต นอนหงายอยู่ใต้โต๊ะเครื่องแป้งมีผ้านวมคลุมร่างไว้ สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตลายดอกสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นสีขาว ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ ตาถลน ลิ้นจุกปาก ลำคอมีรอยคล้ายถูกบีบจนเขียวคล้ำ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8-10 ชั่วโมง ตรวจสอบภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้น
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ พบศพชายต่างชาติอีกศพ
สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน ใช้สายโทรศัพท์ผูกคอแขวนกับฝักบัวผนังห้องน้ำ สภาพตัวห้อยอยู่ในอ่างอาบน้ำ เสียชีวิตมาแล้วระยะเวลาใกล้เคียงกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เก็บร่องรอยนิ้วมือแฝงตามขอบหน้าต่าง ประตูห้องพัก อ่างล้างหน้าและโทรศัพท์ภายในห้อง เพื่อนำไปเปรียบเทียบประกอบสำนวนคดี
จากการตรวจสอบกับทางโรงแรมทราบว่า
ชาวต่างชาติที่เสียชีวิต ชื่อนายพอล บาโร อายุ 41 ปี ชาวออสเตรเลีย เปิดห้องพักแบบเหมาเดือน ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนนางสายพินเป็นสาวบาร์เบียร์อยู่ที่พัฒน์พงศ์ แวะเวียนไปหาที่ห้องพักเป็นประจำ กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งคู่เกิดมีปัญหากัน เนื่องจากมีหนุ่มฝรั่งเศสส่งข้อความเอสเอ็มเอสเข้ามือถือของนางสายพิน ทำนองขอแต่งงานและชักชวนไปอยู่กินด้วยกันที่ประเทศฝรั่งเศส ทำให้นายพอลไม่พอใจเกิดอาการหึงสุดขีด อาละวาดทำร้ายตบตีนางสายพินจนสะบักสะบอม ต้องเผ่นหนีออกจากโรงแรมไปนอนค้างกับเพื่อน
เมื่อรู้ว่าสาวคู่ขามีชายหนุ่มคู่แข่งมาติดพัน ทำให้นายพอลเกิดอาการเครียดอย่างหนัก
ดื่มเหล้าจนเมามายสติแตก จากนั้นคลุ้มคลั่งปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรม พยายามจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะสงบสติอารมณ์ ยอมลงมาแต่โดยดี ต่อมาวันที่ 2 ส.ค. นางสายพินย้อนกลับไปที่ห้องพัก เพื่อปรับความเข้าใจกับแฟนหนุ่ม พบนายพอลกรีดข้อมีดตัวเองจนเลือดทะลัก จึงรีบพาส่ง รพ.จุฬาฯ ให้แพทย์เย็บบาดแผล แต่เมื่อกลับไปที่ห้องพักทั้งคู่ก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง เกิดทะเลาะกันอีก โดยไม่มีใครออกจากห้อง
โดยแม่เหยื่อสาวเคราะห์ร้ายเปิดเผยด้วยว่า
ก่อนพบศพตอนเที่ยงวันนี้ นางอรศรี ทองรอด อายุ 53 ปี แม่ของนางสายพิน เอะใจไปติดต่อกับพนักงานโรงแรมให้ขึ้นไปเปิดห้อง เนื่องจากโทรศัพท์เข้ามือถือและห้องพักที่เกิดเหตุหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีใครรับสาย เกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย เมื่อพนักงานไปเคาะประตูห้องเรียกไม่มี เสียงตอบ จึงใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปดู กระทั่งพบภาพสลดนางสายพินกลายเป็นศพไปแล้ว โดยแม่เหยื่อสาวเคราะห์ร้ายเปิดเผยด้วยว่า นางสายพินทำงานเป็นสาวบาร์เบียร์มาหลายปี เคยมีสามีและมีลูกติด 1 คน รู้จักกับ นายพอลมาประมาณ 1 ปี แต่ไม่ทราบว่าทำงานเกี่ยวกับ อะไร
หลังจากคบหากันได้ไม่นาน นายพอลเกิดมีปัญหาถูกจับดำเนินคดี
ในข้อหาทำร้ายร่างกายโชเฟอร์แท็กซี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ท้องที่ สน.บางรัก ติดคุกที่เรือนจำกรุงเทพฯนาน 3 เดือน หลังออกจากคุกถูกส่งตัวกลับประเทศออสเตรเลีย ทำให้นางสายพินหันไปคบหากับนายโทนี่ หนุ่มชาวฝรั่งเศส ถึงขั้นตกลงปลงใจจะไปอยู่กินด้วยกันที่ประเทศฝรั่งเศสอยู่แล้ว แต่จู่ๆนายพอลแฟนเก่า กลับโผล่มาหาอีก นางสายพินซึ่งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายพอลจึงแวะเวียนไปหาที่ห้องพักเป็นประจำ และคบหาทั้งคู่ไปพร้อมกัน
แม่สาวบาร์เบียร์เปิดเผยต่อว่า
แต่แล้วจู่ๆก็มีหนุ่มฝรั่งเศสอีกคนชื่อนายเซอร์เวีย เข้ามาพัวพันชีวิตนางสายพินเป็นคนที่ 3 คราวนี้ถึงขั้นหลงใหลขนาดหนักกว่าคนอื่น จะพานางสายพินไปเลี้ยงดูที่ประเทศฝรั่งเศสให้ได้ ทำเอานางสายพินตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกใครดี มาปรึกษากับตนให้ช่วยคิด โดยเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
ตนนัดให้หนุ่มฝรั่งเศสทั้งคู่ไปพูดคุยที่บ้านย่านวัดตากล่ำ บางนา
เพื่อจะช่วยตัดสินใจว่าจะยกลูกสาวให้ใครดี ปรากฏว่านายเซอร์เวียพยายามส่งข้อความเอสเอ็มเอสไปขอแต่งงานกับลูกสาวและชวนไปอยู่กินด้วยกันที่ฝรั่งเศส เป็นจังหวะเดียวกับที่นางสายพินนั่งอยู่กับนายพอลผู้ตายพอดี ทำให้เรื่องแดง นายพอลจับได้จึงเกิดอาการหึงโหด ลงไม้ลงมือกับนางสายพิน กระทั่งต่อเนื่องบานปลาย กลายเป็นคดีพิศวาสฆาตกรรม ปิดฉากรักขมระหว่างสาวไทย กับหนุ่มต่างชาติดังกล่าว