พ่อเอาเรื่องแจ้งจับอนามัยข่มขืนลูก
นายโกสุม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี น้าเขยของเด็กหญิงผู้เสียหาย ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับหลานสาวให้การว่า ด.ญ.ปลาอาศัยอยู่กับตายาย เนื่องจากพ่อแม่ไปทำงานรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนเกิดเหตุ ด.ญ.ปลาได้หายออกจากบ้านไปเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นเวลาประมาณ 03.00 น. ก็มีนายประธานเป็นผู้ขับรถปิกอัพคันดังกล่าวมาส่งหลานสาวที่บ้านพัก
เมื่อสอบถามกับเด็กก็ทราบว่าถูกนายประธานหลอกลวงไปข่มขืน โดยออกอุบาย ชวนเด็กไปนั่งรถเที่ยว ก่อนจะพาเข้าไปยังรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่เพื่อข่มขืน แต่เด็กไม่ยอม นายประธานจึงขับรถพามายังบริเวณหน้าวัดสามัคคีราษฎร์ ซึ่งเป็นที่เปลี่ยว แล้วลงมือบังคับข่มขืนในรถจนสำเร็จความใคร่ ก่อนจะพาเด็กไปส่งที่บ้านพัก หลังจากทราบเรื่องว่าลูกสาวถูกข่มขืน นายวัชระ (ขอสงวนนามสกุล) บิดาของเด็กพาเข้าแจ้งความทันทีที่ สภ.อ.โกรกพระ
ร.ต.อ.โชติฐกร ร้อยเวร เจ้าของคดี กล่าวว่า หลังจากรับแจ้งความได้ส่งตัว ด.ญ.ปลาไปตรวจร่างกายเพื่อพิสูจน์หาร่องรอยการถูกข่มขืนที่ รพ.โกรกพระ แต่ขณะนี้ผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ออกมา และในวันจันทร์ที่ 6 ส.ค.นี้ จะได้นัดหมายให้ ด.ญ.ปลาพร้อมญาติ มาสอบปากคำต่อหน้าพนักงานอัยการ นักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีการแจ้งความ นายประธานได้พยายามเจรจากับทางผู้ปกครองของ ด.ญ.ปลา ถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกในวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา นายประธานได้พาพี่ชายที่เป็นตำรวจอยู่ที่กรุงเทพฯ มาช่วยเจรจาเพื่อสู่ขอเด็ก แต่ทางผู้ปกครองไม่ยินยอม เพราะทราบว่าฝ่ายชายมีภรรยาที่อยู่กินด้วยกันอยู่แล้ว ต่อมาวันที่ 31 ก.ค. นายประธานมาพร้อมกับนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งให้ช่วยเจรจา แต่ก็ไม่สำเร็จเช่นกัน
จนครั้งสุดท้ายวันที่ 2 ส.ค. นายประธานพานักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งมาช่วยเจรจาว่าจะจ่ายเงินให้จำนวนหนึ่งเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนให้เด็ก แต่ทางผู้เสียหายไม่ยอมตกลง โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มีอายุไม่ถึง 15 ปี ถึงแม้หญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พร้อมกับยังบอกด้วยว่า หากการแจ้งความไม่เป็นผล ทางญาติของผู้เสียหายจะพา ด.ญ. ปลาเข้าร้องเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือกับ มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรีต่อไป.