นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ นายอากิฮิโระ โทมิคาว่า นักธุรกิจและนักสังคมสงเคราะห์ชาวญี่ปุ่นที่เจอปัญหาแท็กซี่สุวรรณภูมิออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Akihiro Koki Tomikawa ตำหนิการทำงานของหน่วยงานที่ควบคุมงานด้านการขนส่งสาธารณะของไทยที่มีการปล่อยให้นายนายวัชระ ทาน้อย อายุ 30 ปี คนขับรถแท็กซี่กระทำความผิดซ้ำ2ครั้งติดต่อกันในระยะเวลาใกล้เคียง โดยถูกตำรวจจับกุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พ.ค.กรณี เอาเปรียบแอร์โฮเตสสาวเรียกค่าโดยสารจากสนามบินดอนเมืองไปกรมการกงสุล หลักสี่ สูงถึง1,200 บาท และถูกจับกุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23พ.ค.ที่ผ่านมา กรณีฉ้อโกงค่าโดยสารและลักทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวตุรกีที่ว่าจ้างให้ไปส่งที่ชายแดนกัมพูชา
นายสนิท เปิดเผยต่ออีกว่า
ได้ประสานกับตำรวจในฐานะเจ้าของคดีอย่างใกล้ชิด แต่ต้องรอให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ต้องหาถึงที่สุดก่อนคาดว่าจะใช้เวลา1เดือน หลังจากนั้นกรมจึงจะดำเนินการเพิกถอนในอนุญาติขับขี่ของนายวัชระ เป็นการถาวร นอกจากนี้จะดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติม ข้อหาไม่มีใบอนุญาติขับขี่รถสาธารณะ เพราะปัจจุบันอยู่ระหว่างการรับโทษ ถูกพักใช้ใบอนุญาติขับขี่จากกรณีความผิดครั้งแรก แต่ปรากฎว่ายังลักลอบไปเช่ารถแท็กซี่ออกมาขับขี่ให้บริการจนถูกจับกุมเป็นครั้งที่2 ซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย สำหรับความผิดข้อหาไม่มีใบอนุญาติขับขี่มีโทษหนักถึงจำคุกไม่เกิน 6 เดือน เตรียมดำเนินคดีเอาผิดกับสหกรณ์ โดยไม่อนุญาติให้ เพิ่มจำนวนรถแท็กซี่เข้ามาให้บริการในระบบ
ด้าน พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงโดยเมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งข้อหาต่อนายวัชระในข้อหาทำร้ายร่างกาย และชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหะนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุมรวมทั้งความผิดตามพรบ.ขนส่งทางบก พร้อมทั้งเพิกถอนใบขับขี่ ได้มีการประสานความร่วมมือกับทางกรมการขนส่งทางบกถึงมาตรการในการป้องกันแล้วซึ่งหากพบว่าคนขับรถแท็กซี่รายใดที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำความผิดก็จะดำเนินการทันที รวมทั้งให้กรมการขนส่งทางบกเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูล