เมื่อช่วงสายของวันนี้ นางแอ๋ว (นามสมมุติ) มารดาของนางสาวเก๋ จึงได้เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากที่นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้รับเรื่องร้องเรียน แล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงได้ประสานมาทาง พ.ต.อ.พัลลภ แอร่มหล้า ว่าที่ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และ พ.ต.อ.ต่อพงษ์ ตันตระวาณิชย์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ เจ้าของพื้นที่ ที่เกิดเหตุเร่งดำเนินการจับกุมตัวนายพรเทพ ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยไว เนื่องจากเกรงว่า อาจเกิดอันตรายต่อครอบครัวของผู้เสียหายได้ จึงได้ประสานหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวสมุทรปราการให้มารับตัวนางสาวเก๋ ผู้เสียหายและมารดา เข้ารับการคุ้มครองและฟื้นฟูสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ต่อพงษ์ หลังทราบเรื่องได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุอยู่ ในขณะเดียวกันได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานและหลักฐานขออนุมัติหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม หมายจับที่ 336 /2559 ลงวันที่ 10พฤษภาคม 2559 ฐานความผิด พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นจะเต็มใจไปด้วยหรือไม่ก็ตาม และหน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือ กระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างกระจายกำลังออกติดตามจับกุมตัวนายพรเทพ ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนางสาวเก๋ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนคบหาแฟนหนุ่มคนนี้เมื่อได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว โดยรู้จักกันผ่านทางโปรแกรมพูดคุยบี-ทอล์ค ตอนแรกที่คุยกันนายเอ็ม ได้ใช้รูปคนอื่นขึ้นโปรไฟล์ แต่เมื่อนัดเจอกันกลับไม่ใช่ แต่ตนก็ตัดสินใจคบหาเป็นแฟน แต่ในช่วงที่คบหากันนั้น นายเอ็มก็มักจะกล่าวหาว่าตนเองไปมีกิ๊ก เพราะเห็นตนคุยกับเพื่อนผู้ชายผ่านทางเฟซบุ๊ค ซึ่งวันที่เกิดเหตุคือ 25 เมษายนที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปหานายเอ็ม ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในหมู่บ้านเมืองใหม่แพรกษา ตามปกติ แล้วเกิดเรื่องทะเลาะกัน เพราะแฟนหนุ่มเข้าใจว่าตนแอบปันใจให้ชายคนใหม่ และได้บังคับให้เปิดเฟซบุ๊กให้ตรวจสอบ ซึ่งตนก็พยายามอธิบายว่า เพื่อนชายในเฟสบุ๊กนั้นไม่มีอะไร แต่นายเอ็ม ไม่เชื่อ กลับใช้รองเท้าบูธคอมแบทตีเข้าที่ใบหน้าและตามร่างกาย และจับหัวกระแทกกับพื้น และใช้มีดดาบยาวมากรีดไปตามลำตัวของตน จนเป็นบาดแผลยาวหลายแห่ง ก่อนที่จะขังตนไว้ในบ้านเช่าโดยไม่ให้กินข้าว ให้กินแต่น้ำประทังชีวิตเพียงอย่างเดียว ส่วนตัวนายเอ็ม นั่งเสพยาและกินเหล้า เฝ้าตนไม่ให้ออกไปไหน ถึงแม้ว่าเพื่อนข้างห้องจะได้ยินเสียง แต่ก็ช่วยเหลือไม่ได้เพราะนายเอ็ม ขู่ห้ามใครยุ่ง จนกระทั่งแม่ออกมาตามหา และมาพบว่าตนถูกมัดมือทั้งสองข้างไว้จึงช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
านมารดาของ นางสาวเก๋ กล่าวว่า วันที่ลูกสาวหายไป ได้บอกกับตนว่าจะออกไปซ่อมโทรศัพท์มือถือที่ห้างบิ๊กซีปากน้ำ หลังจากนั้นได้หายตัวไป ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกสาวของตนก็เคยหาย แต่ไปนอนบ้านเพื่อนครั้งละหลายวันจึงยังไม่แปลกใจ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ จึงเริ่มสงสัยและออกตามหาตามบ้านเพื่อน แต่ไม่พบและทราบว่าลูกสาวตนคบหากับนายเอ็ม อยู่ จึงมาตามที่บ้านของนายเอ็ม และพบประตูห้องแง้มอยู่จึงเปิดเข้าไปเห็นลูกถูกทำร้ายและถูกมัดมือมัดเท้าไว้ จึงรีบช่วยและพาส่งรักษาที่โรงพยาบาล แต่นายเอ็ม ก็ยังไม่ยอมหยุดได้โทรเข้ามาข่มขู่และห้ามตนไม่ให้แจ้งตำรวจ แต่ตนเห็นสภาพลูกแล้วยอมไม่ได้จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ก่อนที่จะเดินทางเข้าร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อขอความเป็นธรรมและเร่งลัดให้ตำรวจตามจับกุมตัวนายเอ็มมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว