นายธกร อำพันธ์เปรม พ่อค้าขายซาลาเปา แกนนำรณรงค์ในแคมเปญ ลูกตำรวจแล้วไง ที่ทวงคืนความยุติธรรมให้กับนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายจนเสียชีวิต เดินทางมาให้กำลังใจกับทนายความและญาติชายพิการ โดยเนื้อหาในหนังสือมีอยู่ว่าการกระทำของวัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นการเตรียมตัวไปฆ่าเขาโดยไตร่ตรอง มีการทะเลาะก่อน แล้วเรียกคนมาเพิ่ม โดยคนที่มาเพิ่มได้นำอาวุธมาจากที่อื่นเองเพื่อทำร้ายเขา ช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มทะเลาะจนถึงใช้ดาบฟันคอเขาใช้เวลาโดยประมาน 1ชั่วโมง จึงเป็นการเตรียมตัวอย่างดี ไม่ใช่การทะเลาะกันทั่วไป จึงขอความเป็นธรรมให้ ผบ.ตร. ช่วยดูแลให้มีการตั้งข้อหานี้เข้าไปด้วย แล้วใหศาลพิจารณาเองว่าเข้าเงื่อนไขหรือไม่ ให้เป็นดุลพินิจของศาลเองไม่ใช่ดุลพินิจของตำรวจ
ทั้งนี้เพราะเหตุใดตำรวจไม่ยอมตั้งข้อหากับผู้ต้องหา ที่คนทั้งประเทศเห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร หรือเพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นลูกตำรวจใช่หรือไม่ ซึ่งถ้าประชาชนไม่ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้แล้วข่าวเงียบจะเกิดความยุติธรรมหรือไม่
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยว่า เบื้องต้นเหตุที่ว่ามีการไปร้องเรียนเรื่องเกี่ยวกับทางคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เกียรติผู้ตายเป็นหลัก ไม่ต้องการพูดสิ่งที่ทำให้เสื่อมเสีย แต่ก็มีคนพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับคดีนี้ จึงมีความรู้สึกว่า มีความไม่เข้าใจข้อกฎหมายหรือไม่ กรณีที่เกิดขึ้นจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือไม่นั้น ซึ่งลักษณะตามข้อเท็จจริงการเข้าไปช่วยเพื่อนของผู้ต้องหา โดยไม่ได้มีการประสงค์ที่จะตั้งใจไม่ฆ่าเลย จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวได้หรือไม่ ถ้าเกิดไปตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเลยจะถือเป็นการตั้งข้อกล่าวหาเกินความเป็นจริง เกินกว่าพฤติการณ์ทางคดีหรือเปล่า อาจจะเข้าความผิดตาม ม.157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ม.200 แกล้งผู้อื่นให้รับโทษหนักขึ้น ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหานั้นระบุตามกฎหมายไว้ชัดเจน เมื่อเข้าพบปรากฏต่อหน้า หรือเรียกเข้าหา ให้ถามชื่อตัวชื่อจริง อาชีพ ชื่อบิดามารดา และแจ้งข้อเท็จจริงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นให้รับทราบ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหานั้นต้องมีหลักฐานตามสมควร เชื่อได้ว่าเขาน่าจะกระทำความผิดตามข้อหานั้นๆ
เมื่อถามว่าได้ทำความเข้าใจกับทางญาติหรือทนายความแล้วหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์ ตอบว่า ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจแล้ว ให้ รองผบก.น.4 และ ผกก.สน.โชคชัย ดำเนินการแล้ว มีการดูแลความปลอดภัยให้แล้ว แต่พยายามอธิบายขยายความไว้แล้วก็ไม่ฟัง ส่วนหากมีการตั้งข้อหาอย่างที่เขาต้องการนั้น จะส่งผลเสียต่อรูปคดีแน่นอน หากใครไม่ชอบกันก็มาแจ้งตำรวจ กดดันตำรวจไปแจ้งข้อกล่าวหาคู่กรณี ถ้าแจ้งลักษณะดังกล่าวต้องแจ้งทุกคน แล้วให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง เป็นการแก้ปัญหาเอาตัวรอดหรือเปล่า หากแจ้งกันไปหลักฐานไม่ถึงก่อนสั่งไม่ฟ้อง แล้วทำไมต้องทำในลักษณะนั้น ในการแจ้งข้อกล่าวหาคนอื่นโดยที่หลักฐานไปไม่ถึง คนเสียหายคือผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้อง ทนายความก็สามารถเข้ามาในคดีได้ ความเป็นธรรมต้องให้ทุกฝ่าย มีสิทธิ์ที่จะได้รับการสอบสวนต่อเนื่องและเป็นธรรม ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะต่อสู้ทางคดี
"ยืนยันว่าตำรวจได้ดำเนินการตามข้อเท็จจริง และได้พยายามแสวงหาข้อเท็จจริง ทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยลักษณะดังกล่าวมีการไตร่ตรอง ต้องมีการเตรียมกันมาก่อน และมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนก็ไม่ แต่ยืนยันว่าจะแสวงหาหลักฐานต่อในข้อหาที่มีการร้องเรียนมา แต่ขอให้มีพยานหลักฐานไปถึง ซึ่งเวลานี้มีหลักฐานยืนยันเพียงแค่นี้ ทั้งนี้ทางตำรวจจะทำคดีโดยใช้ความถูกต้องมาก่อนความถูกใจ"