ผัวสุดเหี้ยม!! ราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาทั้งเป็นเมียเก่ากลางตลาดอ่างทอง

เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค.   ร.ต.อ.อภิเชษฐ์  จำปาทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยการราดน้ำมันจุดเผาไฟ ผู้บาดเจ็บอาการสาหัส เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านศรีไพโรจน์ เลขที่ 97 ถนนโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ต.ตลาดหลวง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.บุญสม  ใบละมุด สว.สส.สภ.เมืองอ่างทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอ่างทอง และเจ้าหน้าที่สมาคมวีอาร์กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง

  ที่เกิดเหตุเป็นตึกอาคารพานิชย์เปิดเป็นร้านค้าติดกันหลายร้าน บริเวณหน้าร้านศรีไพโรจน์พบประชาชนต่างยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก เมื่อเดินเข้าไปตรวจสอบพบที่เกิดเหตุได้กลิ่นน้ำมันคละคลุ้ง ข้าวของในบนโต๊ะหน้าร้านกระจัดกระจาย ใต้โต๊ะขายของพบหมวกกันน็อคสีดำแบบเต็มใบร่วงอยู่ และพบขวดน้ำที่คนร้ายนำใส่น้ำมันเบนซินมาร่วงอยู่ข้างตู้แช่ โดยมีน้ำมันเหลือติดขวดเพียงเล็กน้อย

เจ้าหน้าที่นำร่างน.ส.เบญญาภาส่งโรงพยาบาล

  ส่วนผู้บาดเจ็บเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมา คือน.ส.เบญญาภา  นาคแคล้ว อายุ 31 ปี  ถูกคนร้ายราดน้ำมันใส่ตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงร่างกาย แล้วจุดไฟเผา ตามร่างกายไหม้มีแผลพุพองเป็นจำนวนมาก แพทย์รักษาเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งห้องไอซียู  ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นคือ นายเรืองวิทย์  หรือต้น  เกษทอง อายุ 32 ปี เป็นอดีตสามีของนส.เบญญาภา

   จากการสอบสวนน.ส.เยาวนีย์  พนาศักดิ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/7 ถ.เทศบาล 1 ต.ตลาดหลวง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง  เพื่อน นส.เบญญาภา และเป็นผู้อยู่ในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า นส.เบญญาภานั้น ทำงานเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าอยู่ร้านแม็กในห้างบิ๊กซี สาขาอ่างทอง ส่วนคนร้ายคือนายเรืองวิทย์ เป็นอดีตสามีของนส.เบญญาภา  ซึ่งเลิกรากันไป แต่ก็มีปัญหากัน นายเรืองวิทย์นั้นตามราวี นส.เบญญาภามาโดยตลอด  โดยเมื่อช่วงเย็น นส.เบญญาภาได้โทรมาบอกตนว่าเห็นนายเรืองวิทย์เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในห้าง จนเมื่อก่อนเกิดเหตุ นส.เบญญาภา เลิกงานก็ได้โทรมาหาตนอีกรอบ พร้อมบอกให้ตนขี่รถไปรับกลับหอพัก ซึ่ง นส.เบญญาภาเช่าหอพักอยู่ในตัวเมืองอ่างทอง

สภาพน.ส.เบญญาภาในห้องไอซียู

  น.ส.เยาวนีย์กล่าวว่า ตนก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปรับ ระหว่างที่ขี่รถออกไป ก็ได้สังเกตเห็นว่านายเรืองวิทย์นั้นขี่รถจักรยานยนต์ตามมาด้วย จากนั้นได้ใช้เท้าถีบรถของตนแต่ไม่ล้ม พร้อมทั้งเปิดกระจกหมวกกันน็อคตะโกนมาที่พวกตน แต่ตนจำข้อความไม่ได้จนกระทั่งมาถึงตลาดนายเรืองวิทย์ก็ยังถีบรถตนอีก  ตนเห็นท่าไม่ดีและเห็นว่าร้านร้านค้าที่เกิดเหตุนั้นมีคนพลุกพล่าน จึงรีบเลี้ยวรถเข้าจอด และพานส.เบญญาภาวิ่งเข้าไปในร้าน แต่ก็ไม่ทัน นายเรืองวิทย์ตามมา และกระชากตัวล็อกคอ นส.เบญญาภาออกมานอกร้าน  ก่อนที่จะคว้าขวดน้ำมันที่นายเรืองวิทย์นำติดตัวมาราดมาที่ตัว นส.เบญญาภา และจุดไฟ เพียงแค่เสี้ยววินาทีไฟได้ลุกพรึบที่ตัว นส.เบญญาภา และลามไปติดที่ตัวของนายเรืองวิทย์ และที่หมวกกันน็อค นายเรืองวิทย์จึงถอดกันน็อคโยนทิ้ง ซึ่งหลังก่อเหตุนายเรืองวิทย์ไม่ได้มีทีท่าสลด ยังหันมายิ้มใส่ ก่อนที่จะรีบขี่รถหลบหนีไป

น.ส.เบญญาภา ผู้เสียหาย กับนายเรืองวิทย์ ผู้ก่อเหตุ

  ด้านนางพรพิไล  ปกป้องมงคล อายุ 52 ปี  เจ้าของร้านค้าที่เกิดเหตุ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกตกใจว่า ขณะที่ตนกำลังขายของอยู่นั้นจู่ ๆ  นส.เบญญาภา พร้อมเพื่อนได้วิ่งเข้ามาที่ร้านตน และมากอดตนพร้อมขอความช่วยเหลือ จังหวะนั้นคนร้ายก็ได้วิ่งตามเข้ามาพร้อมกระชาก นส.เบญญาภาออกมาแล้วราดน้ำมันก่อนจุดไฟเผา  ไฟลุกพรึบขึ้นในทันที นส.เบญญาภา ร้องด้วยเสียงโอดครวญ เพราะไฟลุกทั้งตัว คนที่อยู่ใกล้เคียงต่างออกมาช่วยกันดับและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ ส่วนคนร้ายนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

น.ส.เบญญาภา ผู้เสียหาย

  ด้านนายสรศักดิ์  โชคชัยศิริ อายุ 20 ปี พ่อค้าก๋วยเตี๋ยว ผู้เห็นเหตุการณ์และเป็นคนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ระหว่างที่ขายของอยู่นั้น ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกให้ช่วยด้วย ตนจึงวิ่งข้ามถนนมาดู เห็นว่านายเรืองวิทย์ กำลังล็อคคอนส.เบญญาภา ออกมาจากร้านขายของแล้วใช้นำมันราด โดยไฟลุกพรึบที่ตัวของ นส.เบญญาภา ส่วนนายเรืองวิทย์นั้นไฟได้ลามไปติดด้วย หลังก่อเหตุนายเรืองวิทย์ได้วิ่งออกมาแล้วรีบปัดไฟที่ลามติดตามตัว ก่อนจะวิ่งย้อนเข้ามาขี่รถจักรยานยนต์ขับหนีไป ซึ่งระหว่างนั้นตนก็ได้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

  ส่วน ร.ต.อ. อภิเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบและสอบสวนในที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายคือนายเรืองวิทย์ เป็นอดีตสามีของนส.เบญญาภา และได้เลิกรากันไปแล้ว ซึ่งหลังจากเลิกรากันมานายเรืองวิทย์ก็ยังตามรังควาน นส.เบญญาภามาโดยตลอด ก่อนเกิดเหตุ นส.เบญญาภา ได้เห็นว่านายเรืองวิทย์นั้นเดินป้วนเปี้ยนอยูในห้างสรรสินค้าที่ นส.เบญญาภาทำงานอยู่ หลังเลิกงานจึงได้ให้เพื่อนไปรับกลับหอพัก แต่นายเรืองวิทย์ก็ยังตามมา และระหว่างได้ถีบรถคันของนส.เบญญาภา แต่ไม่ล้น ก่อนที่ นส.เบญญาภาและเพื่อนจะจอดรถวิ่งหนีไปในร้านค้า แต่นายเรืองวิทย์ได้ตามไปก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งสอบสวนพยานยืนยันชัดเจนว่าคนร้ายคือนายเรืองวิทย์ เบื้องต้นจะได้ทำการออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์คนร้ายก่อเหตุในย่านชุมชน ซึ่งเป็นร้านค้าและมีผู้คนพลุกพล่าน ก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และที่สำคัญคนร้ายได้วางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี โดยนำขวดบรรจุน้ำมันติดตัวมา  ซึ่งผู้คนที่พบเห็นและทราบข่าวต่างสาบแช่งคนร้ายที่ก่อเหตุโหดร้ายแบบนี้