ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. นำตัว นายชูเฮย์ โยชิซาว่า (Mr.Shuhei Yoshizawa) สัญชาติญี่ปุ่น แกนนำยากูซ่าที่ทรงอิทธิพลที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นผู้ต้องบุคคลตามหมายจับศาลเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น และหมายจับตำรวจสากล (Red Notice) ในความผิดเกี่ยวกับ ขู่กรรโชก ฉ้อโกง อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ และความผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรม จึงได้พิจารณาเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ มาตรา 36 และดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังทางการไทย จับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา สำหรับขั้นตอนในการส่งกลับทางการญี่ปุ่น ได้ส่งเจ้าหน้าที่ จำนวน 5 นาย ควบคุมตัว Mr.Shuhei กลับประเทศญี่ปุ่น พร้อมบันทึกชื่อลงในฐานข้อมูลบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศโดยไม่มีกำหนด
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการในการป้องกันอาชญากรต่างชาติที่เข้ามากระทำผิดในประเทศไทยว่า ขณะนี้ สตม. กำลังดำเนินการเชื่อมต่อระบบตรวจคนเข้าเมืองเข้ากับระบบฐานข้อมูล Immigration 24/7 ของตำรวจสากลที่สำนักงานใหญ่เมืองลีออง ประเทศฝรั่งเศส ระบบดังกล่าวประกอบด้วย ฐานข้อมูลหมายจับของตำรวจสากล และฐานข้อมูลหนังสือเดินทางสูญหายจำนวนกว่า 53 ล้านฉบับทั่วโลก เมื่อนำไปใช้ควบคู่กับระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ที่ได้เปิดใช้ไปเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2558 ที่ผ่านมา ทำให้ทันทีที่ผู้โดยสารมาเช็คอินกับสายการบิน ระบบจะส่งข้อมูลของผู้โดยสารมาตรวจสอบกับฐานข้อมูลในระบบ โดยใช้เวลาในการประมวลผลไม่เกิน 3 วินาที ทำให้เราสามารถสกัดคนร้ายไม่ให้ขึ้นเครื่องตั้งแต่ต้นทาง เป็นการสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นกับผู้โดยสารทุกคน และยกระดับมาตรฐานด้านการบินของไทยให้เป็นมาตรฐานสากล