จนปัจจุบัน อดีตเจ้าอาวาส (พระอาจารย์อวน) ถูกชาวบ้านต่อต้าน และเพิกถอนตำแหน่ง ชาวบ้านหนองบุญเกิด ได้ร่วมกับหน่วยกู้ภัยสัจจะพุทธธรรมแห่งประเทศไทย (กบินทร์บุรี)ได้ร่วมกันขุดหาซากศพ เพื่อพิสูจน์เหตุฆาตกรรมฝังอำพรางศพ ที่คลางแคลงใจ เมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค.59 แต่ไม่พบ เบื้องต้นเนื่องจากคนที่รู้จุดฝังศพไม่ได้มาชี้ตำแหน่งด้วยตนเอง อาศัยบอกตำแหน่งผ่านทางโทรศัพท์ ตามที่ได้เสนอรายละเอียดไปแล้วนั้น และได้รับความสนใจเนื่องจาก เป็นสิทธิมนุษย์ชนและความเป็นธรรม
ลงพื้นที่ตรวจสอบถามหาความคืบหน้า กรณีดังกล่าวจาก น.ส.ณริศรา ภู่ระแก้ว อายุ 45 ปี เลขที่ 206 หมู่ 11 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี อีกครั้ง ถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นที่สนใจดังกล่าว
น.ส.นริศรา เปิดเผยว่า "ก่อนที่จะมีการขุดหาศพแรงงานกัมพูชา เบื้องต้นนั้นตนเองในอดีตเคยอาศัยอยู่ในวัดดังกล่าวมาก่อน แต่ภายหลังถูกกลั่นแกล้งให้ออกมาอยู่ด้านนอกและรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต ที่รู้เห็นการกระทำ-อำพรางศพเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนี้ โดยได้ทราบว่า ผู้เสียชีวิตนี้ เป็นหญิงสาวอายุระหว่าง 16 - 17 ปี ถูกว่าจ้างเป็นแรงงานทำขนมให้กับครูคนหนึ่ง ในพื้นที่ตลาดอำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
ภายหลังหญิงแรงงานต่างด้าว กับ สามีของครูคนดังกล่าวลักลอบได้เสียกัน ซึ่งได้สร้างความโกรธแค้นให้กับครูนายจ้างอย่างยิ่ง และ แรงแค้นใจได้ทำร้ายหญิงแรงงานต่างด้าวที่เป็นชู้กับสามีจนเสียชีวิตขณะหลอกล่อให้มาทำขนมที่บ้าน
จากที่ครูดังกล่าวมีความคุ้นเคยสนิทสนมกับ อดีตเจ้าอาวาส (พระอาจารย์อวน) จึงให้เด็กวัดป่าภาวนาธรรม มารับศพที่ถูกฆาตกรรมดังกล่าว โดยบอกเด็กวัดว่าให้มารับของที่บ้านครูคนดังกล่าวนี้ แต่กลับกลายเป็นศพ นำไปฝังอำพรางไว้ที่วัดป่าภาวนาธรรม ซึ่งเด็กวัดอยู่ในสภาพจำยอม
ระหว่างที่ มีการนำศพมาถึงช่วงเย็น คนของอดีตเจ้าอาวาสรวม 2 คน ได้ช่วยกันขุดจนถึงค่ำยังไม่เสร็จ มีพระลูกที่กุฏิอยู่ใกล้กับพื้นที่ขุดศพเห็น ได้ไปถามจึงทราบว่ามีการขุดฝังศพคนตาย โดยคนของอดีตเจ้าอาวาสบอกว่า คนตายป่วยเป็นเอดส์ทางราชการสั่งป้องกันติดเชื้อไม่ให้เผยแพร่ต้องรีบฝังในวันเดียว พระลูกวัดรูปดังกล่าว มีน้ำใจได้ช่วยขุดดินฝังศพให้เนื่องจากเห็นว่ามืดค่ำและไร้ญาติ
ภายหลังจากการฝังศพ พบมีสุนัขมาขุดคุ้ยที่หลุมศพ พระลูกวัดรูปดังกล่าวยังมีเมตตาเกรงว่าซากศพจะถูกสุนัขกัดแทะกิน จึงเมตตานำสังกะสีมาปูทับป้องกันศพถูกสุนัขขุดคุ้ยอีก พร้อมกับได้ปลูกต้นไม้ไว้เป็นสัญลักษณ์หากญาติจะมาขุดเพื่อเผาอุทิศบุญกุศลให้ในภายหลัง และกรวดน้ำแผ่เมตตาให้เสมอหลังจากทำวัตรปฏิบัติ - สวดมนต์ภาวนาตามกิจวัตรสงฆ์ จนภายหลังเรื่องการแอบฝังศพคนตายล่วงรู้ทั้งแม่ชี และคนในวัดอีกจำนวนมาก อดีตเจ้าอาวาสจึงพยายามขับไล่ แม่ชีและคนในวัดที่รู้เห็นเรื่องราวนี้ออก รวมทั้งตนเอง ที่อาศัยในพื้นที่วัดด้วย โดยเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมาเมื่อ15 ปี ที่ผ่านมา
ล่าสุดก่อนมีการขุดศพ จึงรวบรวมพากันเหมารถ ไปยื่นร้องทุกข์ กับ สำนักนายกรัฐมนตรี และที่มูลนิธิคุณหญิงปวีณา หงส์สกุล ให้ตรวจสอบเหตุฆาตกรรม อำพรางศพดังกล่าว เมื่อปี 2558 เนื่องจากพวกตนเกรงไม่ปลอดภัยในชีวิต และสงสารเห็นใจหญิงสาวเหยื่อฆาตกรรม
และเมื่อทางสำนักนายกฯมีหนังสือถึง วัดรัตนชมพู เจ้าคณะอำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จึงได้มีการประชุมเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยอดีตเจ้าอาวาสพระอาจารย์อวน ได้ให้การยอมรับว่ามีการฝังศพดังกล่าวจริง จึงได้มีการอนุญาตขุดศพ แต่ขุดผิดจุดเมื่อคืนวันที่ 9 พ.ค.59 ที่ผ่านมา แต่ ขณะนี้ ชาวบ้านได้ประสานกับอดีตพระลูกวัด ที่ได้เคยลงมือขุดหลุมศพ - ปูสังกะสีให้ศพ และปลูกต้นพิกุลไว้หลุมศพ ที่ภายหลังเกิดเหตุได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว ยืนยันที่จะชี้จุดฝังศพให้ถูกต้องต่อไปโดยพระได้มาชี้จุดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับจุดที่ขุดครั้งแรก
และในส่วนของครูที่ลงมือฆ่าแรงงานต่างด้าว ด้วยพิษแรงหึงหวงที่ลูกจ้างกลับกลายมาเป็นภรรยาน้อยตายนั้น ทราบว่าขณะนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อประมาณ 2 เดือนเศษ ก่อนหน้านี้ เหลือแต่เพียงสามี และอดีตเจ้าอาวาส (พระอาจารย์อวน) ที่รู้เรื่องราวดี
พร้อมกันนี้ ทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จะได้มีการลงตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป โดยจะมีการประชุมสรุปเหตุการณ์ ความเป็นมาทั้งหมดที่วัดรัตนชมพู อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ในวันที่ 13 พ.ค.59 นี้