สตม. รวบ "ชูเฮอิ" หัวโจกยากูซ่า แก๊งยามากูจิ หนีคดีขู่กรรโชก180ล้านบ. กบดานไทย-คุมตัวค้นคอนโดหรูย่านพระราม9 เผยเมียไทยไม่เกี่ยว
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 1 พฤษภาคม พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. และ พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 บก.สส.สตม. นำกำลังควบคุมตัว นายชูเฮอิ โยชิซาว่า (Mr.Shuhei Yoshizawa) อายุ 34 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเมืองโกเบะ จังหวัดโยโกะ ประเทศญี่ปุ่น และหมายจับตำรวจสากล (Red Notice Interpol) ในความผิดเกี่ยวกับขู่กรรโชก ฉ้อโกงโดยใช้เครือข่ายอิเลคทรอนิกส์ และความผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรม ลงวันที่ 9 ก.พ. 2559 มาค้นห้องพักเลขที่ 131/702 ชั้น 35 คอนโดมิเนียมหรู ชื่อ เบลล์ อเวนิว 1 (Belle Avenue) อาคารดี ถ.พระรามเก้า แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. ภายหลังฝ่ายสืบสวน สตม. จับกุมได้เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 1 พ.ค. ที่ซอยประชาสงค์เคราะห์ 1 แขวงและเขตดินแดง กทม.
พล.ต.ท.ณัฐธร เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายชูเฮอิ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มทุนใหญ่ ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินกับแก๊งยากูซ่า “ยามากูจิ” ที่เป็นองค์กรอาชญากรที่มีอิทธิพลที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยนายชูเฮอิ เป็นประธานบริษัทมิยามา การดำเนินงานบริษัทจะรับปรึกษาด้านการลงทุน มีสาขาหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมหาเงินโดยผิดกฎหมาย โดยจะใช้ผู้ร่วมขบวนการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขู่กรรโชกทรัพย์ ฉ้อโกงเหยื่อ ด้วยวิธีต่างๆ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีถึงรายละ 1 ล้านเยน นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์ร้ายแรงอื่นๆ ซึ่งทางตำรวจญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด และห้วงระยะเวลาประมาณ 1 ปี มีผู้เสียหายจากองค์กรอาชญากรรมของนายชูเฮอิ กว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 600 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 180 ล้านบาท
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวอีกว่า เมื่อประมาณกลางเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโอซาก้า ได้มีการปิดล้อมสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ จนสามารถจับกุมตัวผู้ร่วมแก๊งได้จำนวน 25 ราย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสมาชิกแก๊ง ยามากูจิ แต่ขณะเข้าจับกุม นายชูเฮอิ สามารถหลบหนีไปได้ และได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 58
ต่อมาทางการญี่ปุ่นได้รวบรวมหลักฐานจนสาวไปถึงตัวนายชูเฮอิ ว่า เป็นหัวหน้าขบวนการนี้ จึงได้อนุมัติหมายจับ แล้วแจ้งมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยประสานผ่านกระทรวงต่างประเทศ เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุม นายชูเฮอิ จากนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็สั่งการให้ทาง สตม.ดำเนินการสืบสวนจับกุม
"สำหรับนายชูเฮอิ นั้น ก่อนหน้าทางการญี่ปุ่นจะออกหมายจับ พบว่านายชูเฮอิ เดินทางเข้าออกประเทศไทย จำนวน 45 ครั้ง ในฐานะนักท่องเที่ยว ต่อมาได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 1 ปี เพื่ออุปการะภรรยาคนไทย โดยมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงที่อยู่จำนวนหลายครั้ง เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และจากการสืบสวนทราบว่า นายชูเฮอิ มีที่พักอยู่ภายใน นิติบุคคลอาคารชุด เบลล์ อเวนิว 1 อาคาร ดี ห้องเลขที่ 131/1702 ชั้น 35 และมักจะเที่ยวตามสถานบันเทิงย่าน อาร์ซีเอ อยู่เป็นประจำ เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังติดตามพฤติกรรม กระทั่งเวลาประมาณตี2ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดติดตามก็พบ นายชูเฮอิ กับภรรยา ขับรถยนต์คันเป้าหมายมาตามถนนพระรามเก้า โดยขับในลักษณะระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนติดตามหรือไม่ เมื่อรถคันดังกล่าวเลี้ยวเข้าซอยประชาสงเคราะห์ 1 นายชูเฮอิ รู้ตัวว่าถูกติดตามจึงจอดรถและวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา ขณะเข้าจับกุม นายชูเฮอิ ได้ขัดขืนการจับกุมตลอดเวลาจนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย หลังจากนั้นได้นำตัวมาตรวจค้นที่ห้องพักภายในคอนโดหรูแห่งนี้ตอนเช้าของวันนี้(1 พ.ค.)" ผบช.สตม. กล่าว
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นจาการตรวจค้นพบ พาสปอร์ต ที่ทางสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ยกเลิกการใช้แล้ว ซึ่งมีการประสานงานมาทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทำการเพิกถอน เนื่องจากนายชูเฮอิ มีหมายจับของเมืองโกเบะ จังหวัดโยโกะ ประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีหมายจับตำรวจสากล หรือ Red Notice Interpol ด้วย ทาง สตม. จึงเพิกถอนตามระเบียบเป็นบุคคลที่ต่างประเทศได้ออกหมายจับ ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อสังคม หลังจากนี้จะประสานทางการญี่ปุ่นให้ออก CI เพื่อนำตัวนายชูเฮอิ เดินทางกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่น และจะทำการสืบสวนว่ามีผู้ร่วมขบวนการในประเทศไทยหรือไม่ หากพบว่าผู้ใดมีส่วนร่วมกับขบวนการดังกล่าวก็จะดำเนินการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป ในส่วนของภรรยาคนไทยนั้น ตอนนี้ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับความผิดแต่อย่างใด
ขอขอบคุณ www.bangkokbiznews.com
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
