เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 26 เม.ย. บก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา
รอง ผบ.ตร. เปิดแถลงข่าวความคืบหน้าคดี กรณีเกิดเหตุรถยนต์เก๋งยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ขับชนท้ายรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด จนเกิดไฟลุกไหม้ และทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 มี.ค.59 ที่ผ่านมา โดย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปด้วยความแน่นหนา โดยมีพยานหลักฐานหนักแน่น มีการสอบปากคำไปทั้งสิ้น 54 ปาก เพื่อนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด โดยจะมอบสำนวนให้กับพนักงานอัยการในวันนี้
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า สำหรับ 8 ข้อหา ที่มีการแจ้ง คือ
--->1ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และผู้อื่นถึงแก่ความตาย
--->2ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ
--->3ขับรถในขณะเมาสุรา หรือ ของเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
---> 4ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น
--->5ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
--->6เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่ายาเสพติดให้โทษ หรือ เสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทว่าด้วยกฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
--->7เป็นผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานสอบสวนที่ให้มีการตรวจสอบผู้ขับขี่ตามมาตรา 43 ทวิ ที่พนักงานสอบสวนสั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ว่าหย่อนความสามารถในการที่จะขับขี่ จากการเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น ฝ่าฝืนของพนักงานสอบสวนไม่ยอมให้ทดสอบ
---> 8 ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีข้อแก้ตัวและเหตุผลโดยสมควร
ทั้งนี้ ได้แจ้งข้อหาทั้งหมดแล้ว โดยมีพยานหลักฐานทั้งหมด สำหรับเรื่องการประกันตัวนั้น ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการประกันตัว มีการฝากขังผลัดที่ 4 แล้ว ดังนั้น การประกันตัวอยู่ในชั้นดุลพินิจของศาล สำหรับข้อหาฆ่าคนตายนั้น ในชั้นนี้ ได้รับทราบจากพนักงานสอบสวน และผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 แล้วว่า ผู้เสียหายได้ขอให้พิจารณาพยานหลักฐานว่าจะสามารถแจ้งข้อหาฆ่าคนตายได้หรือไม่ ซึ่งพบว่าจากพยานหลักฐานสามารถแจ้งข้อหาได้ 8 ข้อหา แต่หากผู้เสียหายต้องการจะยื่นเพิ่มเติมให้พนักงานอัยการและพนักงานอัยการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมก็เป็นสิทธิ
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า
ซึ่งในส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่นที่ญาติของผู้เสียชีวิตร้องขอให้พนักงานสอบสวนแจ้งเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่านายเจนภพ ใช้ความเร็วสูงนั้น จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆแล้ว ยังไม่มีข้อบงชี้ชัดว่าผู้ต้องหามีเจตนาฆ่าผู้อื่น จึงยังไม่มีความเห็นแจ้งข้อหานี้เพิ่มเติม ซึ่งภายหลังจากการตรวจสำนวนเสร็จสิ้นนั้น พลตำรวจเอกพงศพัศ พร้อมญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปที่สำนักงานอัยการภาค 1 โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้มารับสำนวนด้วย ส่วยนายเจนภพขณะนี้อยู่ในระหว่างการประกันตัวต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยานะครับ ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นดุลยพินิจของศาลที่จะพิจารณาในคดีนี้