เหตุการณ์สลดใจ น.ส.เสาวภา ประชุม อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปี 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ผูกคอตายในบ้านเช่าเลขที่ 4/193 ซอยเคหะ 4 หมู่บ้านการเคหะชุมชนนครศรีธรรมราช ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 29 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนทราบว่า น.ส.เสาวภาเป็นคนดีและขยันเรียน แต่ฐานะยากจน หารายได้พิเศษด้วยการรับจ้างซักรีดผ้า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน แต่รายได้ไม่พอ เพื่อนต้องให้การช่วยเหลือ
ระยะหลังคิดมากกลัวเรียนไม่จบ เนื่องจากตั้งแต่ ปี 1 ถึงปี 3 กู้เงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. แต่เมื่อขึ้นปี 4 กองทุนไม่อนุมัติเงินกู้โดยไม่ทราบสาเหตุ แม้จะพยายามเขียนจดหมายสอบถามไปหลายครั้ง แต่ไม่ได้คำตอบ ทำให้เครียดจัดและไม่มีเงินไปเรียนหลายวันแล้ว จนเมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค. พยายามฆ่าตัวตาย แต่เพื่อนช่วยไว้ทัน พนักงานสอบสวนเชื่อว่าสาเหตุมาจากปัญหาเรื่องดังกล่าว
ขณะที่นายเปรมประชา ศุภสมุทร อดีตผู้จัดการ กยศ.ที่เพิ่งหมดวาระดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา กล่าวว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นเรื่องใหญ่ น่าจะเกิดจากเป็นช่วงรอยต่อของการสรรหาผู้จัดการคนใหม่ ทำให้การบริหารไม่คล่องตัว
นายเปรมประชากล่าวต่อไปว่า สำหรับปีงบประมาณ 2550 กยศ.ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลราว 4 หมื่นล้านบาท น่าจะเพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากในแต่ละปีมีผู้ กู้เงินประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท กยศ.ให้ความสำคัญกับการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่ใช้เวลา 4 ปี เนื่องจากนักศึกษาต้องได้รับเงินกู้ต่อเนื่องทุกปี จะขาดไม่ได้ มิเช่นนั้น จะเรียนไม่จบ เพราะพ่อแม่หรือผู้ปกครองมีฐานะยากจน โดยเฉลี่ยจะได้รับเงินกู้ 80,000-90,000 บาทต่อคน
ส่วนนายสุเมธ แย้มนุ่น รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ กกอ. ซึ่งดูแลการจัดสรรเงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่สถาบันอุดมศึกษากล่าวว่า น.ส.เสาวภาเป็นผู้กู้รายเก่า จะได้รับอนุมัติให้กู้ยืมต่อเกือบจะอัตโนมัติอยู่แล้ว เท่าที่ทราบจากข่าว น.ส.เสาวภาเป็นคนกระตือรือร้นในการเรียน ทำงานหารายได้พิเศษ น่าจะได้รับอนุมัติ โดยมหาวิทยาลัยเป็นผู้พิจารณาส่งรายชื่อมาให้ ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัย ก็ต้องเข้าไปดูแลด้วย เพราะเด็กขัดสน แต่ก็ยอมรับว่า การไม่ได้เงินกู้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กเครียด และฆ่าตัวตาย แต่อาจมีสาเหตุอื่นอีก ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ที่ จ.นครศรีธรรมราช ญาติได้นำศพ น.ส.เสาวภามาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน มีเพื่อนนักศึกษาและญาติไปร่วมพิธีเกือบ 100 คน ทุกคนมีอาการโศกเศร้า นายสมพร ประชุม อายุ 70 ปี และนางอาภรณ์ ประชุม อายุ 50 ปี บิดามารดาร่ำไห้ตลอดเวลา โดยนายสมพรกล่าวว่า ตนเป็นอดีตกำนันตำบลตลิ่งชัน มีลูก 4 คน 2 คนแรกเป็นชาย ทำงานแล้ว น.ส.เสาวภาเป็นคนที่ 3 ส่วนคนที่ 4 อายุ 10 ขวบ ยังเรียนหนังสืออยู่ทั้งคู่ ตนสุขภาพไม่ดี เมื่อทราบข่าวเสียใจมาก
ด้านนางอาภรณ์กล่าวว่า ทันทีที่รู้ข่าวก็ช็อกไปเลย เดือนที่แล้วลูกกลับมาบ้านไม่ได้เล่าปัญหาให้ฟัง รู้เพียงว่ากู้เงิน กยศ.ตั้งแต่เรียน ปวส.และมาต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช หลังเลิกเรียนจะไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านเบเกอรี่ ชื่อร้านกินขนมในหมู่บ้านเมืองทอง อ.เมืองนครศรีธรรมราช และรับจ้างซักผ้าด้วย แต่รายได้ไม่พอ ปกติเป็นคนร่าเริงเข้มแข็ง ช่วยเหลือตัวเอง ไม่ขอเงินทางบ้าน เพราะรู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงิน สำหรับศพจะสวด 5 วัน และเผาวันเสาร์ที่ 4 ส.ค.
ขณะที่ น.ส.กฤติพร เลขะพล เพื่อนนักศึกษาที่พักอยู่บ้านเช่าด้วยกัน กล่าวว่า น.ส.เสาวภาไม่มีปัญหาอื่น นอกจากเรื่องทุนการศึกษา ปกติจะไปทำงานเสิร์ฟอาหารด้วยกันและยังรับจ้างซักรีดเสื้อผ้าด้วย ช่วงเปิดเทอม น.ส.เสาวภาจะต้องใช้เงินจำนวน 6,800 บาท ลงทะเบียน แต่ทราบจาก กยศ.ว่าปีนี้ให้จ่ายเองไปก่อนและจะพิจารณาให้ภายหลัง น.ส.เสาวภาไม่มีเงิน ได้ขอยืมเพื่อนและนำสร้อยข้อมือทองคำหนักครึ่งสลึงไปจำนำ ได้ มาจนครบนำไปจ่าย แต่เสียค่าปรับเพิ่มเป็น 7,200 บาท
หลังจากนั้นเพื่อนได้มาขอเงินคืน เพราะมีความจำเป็นต้องใช้ในการศึกษาเหมือนกัน น.ส.เสาวภาจึงทำงานหนักขึ้น นำเงินที่ได้ผ่อนชำระให้เพื่อนเป็นรายวัน แต่ยังไม่หมด ตนแนะนำให้ไปขอผู้ปกครอง แต่ น.ส.เสาว-ภาบอกว่าพ่อแม่ไม่มีเงิน และสงสารแม่ที่ทำงานอยู่คนเดียว หาบขนมขายทั้งวัน ส่วนพ่อสุขภาพไม่ดี
“ขอฝากไปถึงผู้ใหญ่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเงินจำนวนนี้ไม่มากในสายตาบางคน แต่กับนักศึกษาที่ยากจนมีความหมายมาก ขอเรียกร้องให้สถานศึกษามีคณะกรรมการตรวจสอบฐานะความเป็นอยู่ที่แท้จริงของนักศึกษาที่กู้ และนักศึกษาไม่ต้องจ่ายเงินเองก่อน กยศ.โอนเงินให้โดยตรงกับสถาบัน และดูแลนักศึกษาให้ ใกล้ชิดกว่านี้ มีนักศึกษาที่มีฐานะดี ก็ไปกู้เงินนำมาใช้จ่าย ซึ่งผิดวัตถุประสงค์” น.ส.กฤติพรกล่าว