พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ เปิดเผยว่า ก่อนการจับกุมตามหมายจับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการแจ้งจาก ลุง ของ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา ด.ญ.เอ ถูกพ่อไล่ออกจากบ้านมาอาศัยอยู่กับลุง ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อมาอาศัยอยู่ที่บ้านลุงได้ 4-5 วัน ลุงจะพาไปส่งบ้านแต่ ด.ญ.เอ ไม่ยอมกลับบ้านจึงได้คาดคั้นจน ด.ญ.เอ เล่าให้ฟังว่า เคยถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืน หลังทราบเรื่อง จึงนำเรื่องปรึกษากับญาติๆ และตัดสินใจมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ประสานสหวิชาชีพประกอบไปด้วย อัยการ นักจิตวิทยาและผู้ที่เกี่ยวข้องสอบสวน ด.ญ.เอ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงราย
จนได้ความว่าเมื่อตอนเรียนอยู่ชั้น ป.1 (ประมาณ 7 ปีผ่านมา) ด.ญ.เอ ถูกพ่อข่มขืน 1 ครั้ง ตอนนั้นตนยังเด็กมาก แต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวและอาย หลังเหตุการณ์ถูกข่มขืนครั้งแรกแล้ว ตลอดมาหลายปีผู้ต้องหาพยายามจะล่วงเกินตนเองอีกแต่ก็หาทางหลบหลีกเรื่อยมาจนมาเมื่อคืนวันที่ 11 เม.ย. ขณะที่นั่งดูทีวีอยู่พียงลำพังผู้ต้องหาได้เมาเหล้าเข้าบ้านมาและพยายามลวนลาม อนาจารตนเองอีกแต่ตนไม่ยอมและวิ่งหนีจึงถูกดุด่า ว่า ขี้เกียจและถูกไล่ออกจากบ้าน
รุ่งเช้า ด.ญ.เอ จึงออกบ้านไปอาศัยอยู่กับลุงและเมื่อลุงจะส่งตัวกลับไปอยู่บ้าน จึงเล่าความจริงให้ฟังเพราะตนเกรงว่าหากกลับไปอยู่บ้าน ก็กลัวว่าจะถูกกระทำเช่นเดิมอีก หลังจากนั้นจึงได้ส่งตัว ด.ญ.เอ ให้แพทย์ทำการตรวจร่างกาย จนได้ผลการตรวจ จึงรวบรวมหลักฐานพร้อมกับคำให้การของผู้เสียหายยื่นต่อศาลจนศาลจังหวัดเชียงรายออกหมายจับมาดำเนินการกับผู้ต้องหา
ผู้ต้องหาให้การปฎิเสธว่า ไม่ได้ข่มขืน ด.ญ.เอ พร้อมกับอ้างว่าลูกสาวโกรธตนเองที่ห้ามปรามไม่ให้ไปคบหากับเพื่อนผู้ชาย เนื่องจากแม่ของ ด.ญ.เอ เป็นใบ้ไม่สามารถสั่งสอนลูกได้ ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาก็ต้องไปต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป