ล่าสุด 19 เม.ย. นายทิวาพร ฮ้อแสงชัย พ่อของน.ส.ธันฐภัทร และนางทองทิพย์ แม่ของนายกฤษณะ พร้อมทนายความเข้าพบพ.ต.อ. พิษณุ ต๊ะปิ่นตา ผกก.(สอบสวน) สภ. บางปะอิน พร้อมทีมสอบสวน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมและแจ้งข้อหาเพิ่ม เพื่อประกอบสำนวน โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 2 ชม.
นายวิเชียร ชุบไธสง ทนายความ กล่าวว่า ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้ ครอบครัวของน้องเบนซ์ และครอบครัวของน้องโต้งเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนมี 2 กรณี และทั้งสองครอบครัวมีความเห็นตรงกันว่าให้พนักงานสอบสวนพิจารณาคดีแจ้งข้อหาเพิ่มคือฆ่าผู้อื่นจนเสียชีวิตอีก 1 ข้อหา จากเดิมมี 7 ข้อหา
1.ขับรถโดยประมาณเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและมีผู้อื่นถึงแก่ความตาย
2. ขับรถในขณะหย่อน ความสามารถหรือขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
3. ขับด้วยไม่คำนึ่งถึงความ ปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของคนอื่น
4. ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
5. ผู้ ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
6. เป็นผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของพนักงานสอบสวน
7. ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานสั่งตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งนั้น โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร
นายวิเชียรกล่าวว่า ส่วนทางด้านคดีได้ผ่านมา 1 เดือนกว่าแล้ว เดินทางมาได้ 80 % แล้ว ในการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฆ่าผู้อื่น พนักงานสอบสวนต้องสอบเพิ่มอีกภายในเดือนนี้ เพื่อส่งไปให้พนักงานอัยการพิจารณาส่งฟ้องศาล อย่างไรก็ตาม ก่อนส่งฟ้อง ตนจะขอดูบทสรุปของพนักงานสอบสวนก่อนว่าแจ้งข้อกล่าวหาครบถ้วนหรือเปล่า หากไม่ครบ ก็จะร้องขอความเป็นทำต่อศาลหรือผู้เสียหายยื่นฟ้องเองได้ ตอนนี้ก็รอพนักงานสอบสวนทำงานต่อไป
น.ส.นงครัตน์ รุ่งแสง น้องสาวนายกฤษณะ กล่าวว่า อยากให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานว่าการขับรถด้วยความเร็วขนาดนี้ผู้ขับขี่ย่อมเห็นผลอยู่แล้วว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะทำให้มีผู้เสียชีวิต ไม่ใช่แค่ รอลงอาญา ยึดใบขับขี่ เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเราเมื่อใด