ทางตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 6 ร่วมตรวจสอบรถคู่กรณี คือ รถฮอนด้า ซึ่งเป็นรถของนักศึกษาที่นั่งมาด้วยกันทั้งหมด 5 คน พบว่ามีร่องรอยการถูกเฉี่ยวชนด้านซ้าย และมีรอยถูกกระสุนปืนยิงใส่ด้านท้ายรถ จำนวน 6 แห่ง รวมทั้งตรวจสอบล้อยางที่ถูกยิง ในส่วนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ แต่หลังจากตำรวจก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักศึกษาแล้ว ได้มีการเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนเป็นทะเบียนหมายเลข กง 2325 พิจิตร โดยอ้างว่านำมาติดเพื่ออำพรางในการทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด และพบมีร่องรอยเฉี่ยวชนที่ด้านหน้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส ที่ถูกเฉี่ยวชนอีกคันด้วย ซึ่งเป็นของนายเจริญเกียรติ แซ่เดียว อายุ 30 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์ และกล้องวิดีโอหน้ารถยนต์สามารถบันทึกภาพขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายกลุ่มนักศึกษาไว้ได้ทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำการเก็บรวบรวมหลักฐาน ก่อนนำข้อมูลไปมอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อสรุปสำนวนคดีตามกฎหมาย
จากนั้นทาง พล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบช.ภ.6 ได้ให้พนักงานสอบสวนนำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ประกอบด้วย
ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จ.พิษณุโลก
ร.ต.ท.ธนาคาร ชัยพิพัฒน์ สังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก และ
ร.ต.อ.วุฒิภัทร บัวอุไร สังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก
มาให้ทางนักศึกษาที่ถูกทำร้ายมาชี้ตัว ซึ่งสามารถชี้ตัวตำรวจที่ลงมือก่อเหตุได้ถูกต้องทุกคน เมื่อหลักฐานชี้ชัดอย่างแน่นอนแล้วว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย กระทำความผิดตามที่นักศึกษาได้ร้องเรียน และมีคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุเป็นหลักฐานอย่างเห็นได้ชัด ในเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน จากนั้นให้พนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป พร้อมทั้งให้รายงานเรื่องความคืบหน้าทางคดีให้รับทราบทุก 15 วัน ทั้งนี้เนื่องจากถือว่าทำให้ภาพลักษณ์ของวงการตำรวจเสียหายเป็นอย่างมาก
ส่วนทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก เตรียมตั้งข้อหา 5 ข้อหา กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย คือ 1.พยายามฆ่า
2.กักขังหน่วงเหนี่ยว
3.บังคับข่มขืนใจ
4.ทำร้ายร่างกาย และ
5.พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ด้าน นายธนพล คงอิว อายุ 23 ปี นักศึกษาสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้จากผลที่ให้ตำรวจซึ่งเป็นผู้ต้องหาทั้ง 3 นาย ย้ายไปช่วยราชการที่ตำรวจภูธรภาค 6 มองว่ายังไม่ถึงที่สุด ต้องการให้ไล่ออกจากราชการมากกว่า เพราะนักศึกษายังกังวลว่าอาจไม่ปลอดภัย เพราะจากพฤติกรรมการกระทำรุนแรงเกิน ส่วนสาเหตุของการปะทะนั้นเนื่องจาก ช่วงนั้นทราบเพียงเป็นบุคคลที่ได้ขับรถออกจากสถานบันเทิง แม้ว่าได้ขับรถเชี่ยวชนรถพวกตน ก็ไม่กล้าจอดเนื่องจากบริเวณนั้นมืดประกอบกับเห็นเป็นคนเมาเราจึงได้ขับรถหนีห่างออกไป ไม่กล้าลงไปเจรจาแต่อย่างใดๆจนรถตำรวจตามมายิงปืนใส่รถ และจนถึงมารุมทำร้ายดังกล่าว หลังจากที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 มาสอบสวนและดูแลคดีนี้เอง ก็ได้สั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นายออกจากราชการไว้ก่อน รู้สึกพอใจในระดับหนึ่ง และหวังให้เป็นตัวอย่างไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นอีก
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
