บิ๊กต๊อก สั่งติดต่อ แพรวา หาข้อยุติเงื่อนไขคุมประพฤติทันที

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี น.ส.แพรวา (สงวนนามสกุล) อดีตเยาวชนที่ขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิคเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารสายธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-หมอชิต บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ เป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสาร เสียชีวิตรวม 9 ราย โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนโทษจำคุก 2 ปี แต่แก้โทษให้เพิ่มเวลารอลงอาญาจาก 3 ปี เป็น 4 ปี เพิ่มเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชม. รวม 4 ปี และห้ามขับรถจนอายุ 25 ปี ว่า ตามที่มีปัญหาเกี่ยวกับทำงานบริการสังคมของผู้ถูกคุมประพฤติรายดังกล่าว ตนได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เป็นผู้พิจารณากฎเกณฑ์อย่างละเอียด เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นตัวอย่างให้ผู้ถูกคุมประพฤติรายอื่น และกระทบกับการดูแลผู้ถูกคุมประพฤติทั้งระบบซึ่งมีนับแสนราย ขณะเดียวกันได้ขอให้ติดต่อผู้ถูกคุมประพฤติรายนี้เข้ามาพูดคุยถึงขั้นตอนเกี่ยวกับทำงานบริการสังคมเพื่อให้ได้ข้อยุติ โดยขั้นตอนดังกล่าวไม่จำเป็นต้องรอผลการวินิจฉัยของศาลในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ การที่กรมคุมประพฤติต้องตรวจสอบกรณีที่การรายงานข้อเท็จจริงต่อศาล เนื่องจากหากเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอศาล อาจถือเป็นการให้ข้อมูลเท็จต่อศาล และเจ้าหน้าที่อาจมีความผิด ส่วนกรณีที่มีการร้องไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินประเด็นถูกข่มขู่ ลวนลาม ตนสั่งให้สอบข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันว่าเป็นคนละประเด็นกัน แต่สิ่งใดที่ไม่ดีก็ต้องแก้ไข

"กรมคุมประพฤติมีหน้าที่ทำตามที่ศาลสั่งโดยต้องรายงานระบบคุมประพฤติให้ศาลทราบ เมื่อพบผู้ถูกคุมประพฤติไม่ทำตามระบบ เราก็ไม่สามารถรายงานให้ศาลทราบ ไม่แน่ใจหลังศาลสั่งแล้วเป็นหน้าที่คุมประพฤติทั้งหมดหรือยังเกี่ยวเนื่องกับศาลอยู่ ดังนั้น ขอให้กรมคุมประพฤติคุยกับศาลให้เรียบร้อยเพื่อกำหนดบรรทัดฐานว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ เชื่อว่าศาลจะเข้าใจ" รมว.ยุติธรรมกล่าว