สอบสวนนางอรุณรัตน์ ทองประเสริฐ อายุ 31 ปี ซึ่งนั่งมาด้วยกันในรถกับผู้ตายให้การว่า ตนเป็นภรรยาคนที่ 2 ของผู้ตาย ส่วนคนแรกคือนางวันทนา ทองประเสริฐ อายุ 37 ปี เป็นพี่สาว นายพัฐจักรมีอาชีพทำรองเท้าผู้หญิงขายส่งย่านสำเพ็ง โดยทำเป็นธุรกิจครอบครัว ช่วงเวลาประมาณ 04.00 น.ของทุกวัน นายพัฐจักรจะนำรองเท้าไปส่งย่านสำเพ็งเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุเพิ่งจะขับรถออกจากบ้านมาได้ประมาณ 50 เมตร มาถึงที่เกิดเหตุพบคนร้ายลักษณะเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 25-30 ปี ยืนอยู่แต่จำรูปพรรณสัณฐานไม่ได้ เพราะกระจกติดฟิล์มมืด ทันใดนั้นเห็นชายคนดังกล่าวเดินปรี่ตรงมาที่รถฝั่งคนขับ แล้วชักปืนออกมายิงใส่ 2 นัด ก่อนวิ่งหลบหนีไปขึ้นรถเก๋งสีดำที่จอดรออยู่ห่างไปประมาณ 30 เมตร แต่จำหมายเลขทะเบียนและยี่ห้อไม่ได้ ขับหลบหนีมุ่งหน้าออกไปทางปากซอย ตนพยายามจะนำนายพัฐจักรไปส่งโรงพยาบาล แต่เหยื่อคมกระสุนก็สิ้นใจไปก่อน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้สอบปากคำกับลูกสาวผู้ตาย
น.ส.พรชนก ทองสุข อายุ 15 ปี ลูกสาวผู้ตายที่เกิดกับนางวันทนา ภรรยาคนที่หนึ่งให้การว่า ผู้ตายเป็นพ่อของตนอยู่กินกับนางวันทนามาหลายปี กระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา พ่อได้พานางอรุณรัตน์มาอยู่กินด้วยกันอีกคน เป็นภรรยาคนที่สอง และก่อนเกิดเหตุไม่กี่วันพ่อทะเลาะกับนายธนพลหรือ เอ ทองสุข อายุ 27 ปี น้องบุญธรรมที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เรื่องชู้สาว เพราะนายเอแอบไปมีอะไรกับแม่ และถูกจับได้ทำให้พ่อไม่พอใจ ประมาณ 4-5 วันที่ผ่านมา พ่อทะเลาะกันกับนายเออีกครั้ง และไล่นายเอออกจากบ้าน แต่นายเอก็ยังแอบมาหาแม่ที่บ้านตอนที่พ่อไปส่งรองเท้าอยู่บ่อยครั้ง
ต่อมา พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ ผกก.สน.บางขุนเทียน สั่งการให้
พ.ต.ท.ศุภัทร ศุภกำเนิด สว.สส.สน.บางขุนเทียน ไปนำตัวนายธนพลจากบ้านญาติที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ฐานเป็นผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ ให้การว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ก.ค.เดินทางจาก จ.เพชรบุรี เข้ากรุงเทพฯมากับรถขนมะนาว และไปขอยืมรถ จยย.ของเพื่อนในซอยที่เกิดเหตุเพื่อไปทำธุระส่วนตัว จากนั้นในช่วงค่ำจึงเดินทางกลับ จ.เพชรบุรี จึงไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายเอไปตรวจหาคราบเขม่าดินปืนที่กองพิสูจน์หลักฐาน
พ.ต.อ.ธีรศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ตั้งสาเหตุไว้ 2 ประเด็น
คือเรื่องชู้สาว กับเรื่องการพนันที่ผู้ตายเคยไปเล่นแล้วเป็นหนี้อยู่ ส่วนเรื่องธุรกิจนั้นไม่ได้มีปัญหากับใคร สำหรับการนำตัวนายธนพลมาสอบ ปากคำเพราะเป็นผู้ต้องสงสัยที่เคยทะเลาะกับผู้ตาย รวมทั้งยังมีการข่มขู่กันอีกด้วย