ซึ่งทางเฟซบุ๊ค ภัทราพร ตั๊นงาม ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มีรายงานความคืบหน้าจากการสอบถามเรื่องคลิกดังกล่าวไปยังการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยทางฝ่ายประชาสัมพันธ์แจ้งว่า ทางผู้ใหญ่เพิ่งทราบเรื่องและเห็นคลิป เนื่องจากทางตำรวจไม่มีการติดต่อมา อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าด่านในคลิป ว่าใช่ด่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กทพ. หรือไม่ และที่ฝ่ายมาก็พบว่าในแต่ละวันมีการชนไม้กันหลายครั้ง
ต่อมาทางทวิตเตอร์ @Nalinee_PLE ก็ได้มีรายงานเพิ่มเติม ระบุว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด กทพ. ยืนยันว่ารถในคลิปเป็นเบนซ์คันที่ตกเป็นข่าวจริง และพบว่าคนขับรถไม่ได้ติดบัตรอีซีพาสไว้ที่หน้ารถ แต่ใช้วิธีการลดกระจกรถ แล้วยื่นบัตรออกมาในจังหวะที่เลยจุดอ่านสัญญาณไปแล้ว ไม้กั้นจึงไม่เปิด อย่างไรก็ตามเนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่าไม้กั้นด่านไม่ได้รับความเสียหาย จึงดำเนินการเพียงแจ้งให้จ่ายค่าผ่านทางย้อนหลัง 50 บาทเท่านั้น ขณะที่บัตรอีซี่พาสของรถเบนซ์ เป็นชื่อของบริษัท เลนโซ่ ไดเร็ค จำกัด
ขณะที่ นายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังบริเวณด่านพระราม 4 มุ่งหน้าไปยังดินแดง พบว่า เมื่อเวลา 10.58 น. ของวันที่ 13 มีนาคม รถเบนซ์ ทะเบียน ษง 3333 ได้ขับรถเข้ามาในช่องเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ หรือ อีซี่พาส ของด่านพระราม 4 จริง โดยเมื่อรถเข้ามาใกล้ถึงตู้เก็บเงิน คนขับได้เปิดกระจกยกบัตรอีซีพาสขึ้นโบกให้หักเงินค่าผ่านทางในบัตร แต่เนื่องจากรถขับมาด้วยความเร็ว ทำให้บัตรและกล่องรับสัญญานไม่เชื่อมต่อกัน ไม้กั้นจึงไม่เปิด รถจึงวิ่งชนฝ่าไม้กั้นออกไป
ทั้งนี้ตรวจสอบพบว่าไม้กั้นที่ถูกชนไม่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งผู้ขับขี่ก็มีการติดตั้งเครื่องมือรับ-ส่งสัญญานอีซี่พาส และขับเข้ามาใช้ช่องทางอีซี่พาสตามปกติ ดังนั้นผู้ขับขี่จึงไม่มีความผิด กทพ.ไม่ได้แจ้งความเพราะไม้กั้นไม่ได้รับความเสียหาย แต่จะต้องกลับไปหักเงินค่าผ่านทางย้อนหลังจำนวน 50 บาท เนื่องจากยังไม่มีการหักเงินค่าผ่านทางในบัตร และจากการตรวจสอบพบว่า ชื่อเจ้าของบัตรอีซี่พาสของรถยนต์คันดังกล่าวคือ บริษัท เลนโซ่ ไดเร็ค จำกัด
ในส่วนกรณีความผิดเรื่องการขับรถเร็วบนทางด่วนนั้น จะต้องไปสอบถามกับตำรวจทางด่วน ว่าจะมีการดำเนินคดีหรือไม่ เพราะปัจจุบันตำรวจทางด่วนมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บนทางด่วนจำนวนมากอยู่แล้ว