26 ม.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 และมารดาของเด็กหญิงผู้ตาย เป็นโจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายติ๊งต่าง หรือหนุ่ย ไม่มีนามสกุล อายุ 33 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลย ในความผิดฐาน พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครอง, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาตนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยความโหดร้ายทารุณ
คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2558 บรรยายระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 เวลากลางวัน ถึงเวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้พราก ด.ญ.น้ำ (นามสมมุติ) อายุ 4 ปีเศษ ไปจากเป็นตาซึ่งเป็นผู้ปกครอง โดยจำเลยพูดจาหลอกล่อ ว่าจะพาไปเดินเล่นและซื้อขนม เด็กหญิงจึงยินยอมไปด้วย แต่เมื่อเด็กหญิงต้องการกลับไปหาผู้ปกครอง จำเลยไม่ยอมให้กลับแล้วใช้กำลังบีบบังคับฉุดลากเด็กหญิงเข้าไปในป่าละเมาะห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 400 เมตร ซึ่งจำเลยได้หน่วงเหนี่ยวเด็กหญิงไว้ไม่ยอมให้กลับไปหาผู้ปกครอง อันเป็นการทำให้เด็กหญิงปราศจากเสรีภาพ และจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงจนสำเร็จความใคร่ โดยเด็กหญิงไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จากนั้นจำเลยได้ฆ่าเด็กหญิงโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย ด้วยการใช้มือบีบคอทำให้ขาดอากาศหายใจ และถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย ขณะที่ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วพิพากษาให้จำคุกฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองฯ เป็นเวลา 4 ปี 6 เดือน และจำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ส่วนความผิดฐานพยายามชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 8 ปี โดยให้เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นเวลาอีก 4 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 (10) ที่บัญญัติให้ศาลพิพากษาเพิ่มโทษความผิดเกี่ยวกับเพศที่ผู้กระทำผิดนั้นได้กระทำผิดซ้ำ จึงให้จำคุกจำเลยฐานพยายามชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ รวมเป็นเวลา 12 ปี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพจึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกความผิดนี้เป็นเวลา 6 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วคงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต