สำนึกผิด!! พาตำรวจไปเก็บศพเพื่อนหลังคว้านท้องถ่วงน้ำสุดเหี้ยม

วันนี้ (22 ธ.ค. 2558) เวลา 11.00 น. ว่าที่ ร.ต.ท.ทรงพล บุญชัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ ได้นำตัวนายวิเชียร พรหมรักษ์ ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นไปชี้จุดเกิดเหตุ บริเวณอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น หมู่3 ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งในที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่สุดทางอ่างเก็บน้ำ ซึ่งต้องนั่งเรือไปอีกฟากหนึ่ง โดยผู้ต้องหาบอกว่าได้ทิ้งศพลงจากจุดกังกล่าว โดยเบื้องต้นการค้นหาไม่พบศพผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เรือลาดตระเวนตรวจสอบบริเวณใกล้เคียง ปรากฏว่าได้พบศพลอยอืดห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปราว 500 เมตร จึงได้ใช้เรือลากเข้าฝั่ง 

ร.ต.ท.ทรงพล บุญชัย เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ธ.ค. 2558) เวลาประมาณ 20.00 น. ได้รับการติดต่อจาก นายวิเชียร พรหมรักษ์ อายุ 42 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ต.บางพระไต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง เพื่อขอมอบตัวกับตำรวจ โดยนายวิเชียร ได้ให้การว่าเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนเองลงมือได้ฆ่า นายศักดิ์ดา ระวัย อายุ 52 ปี และได้นำศพไปถ่วงน้ำไว้บริเวณอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น ซึ่งหลังจากได้หลบหนีไปได้ระยะหนึ่ง จึงเกิดสำนึกผิดและติดต่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่

 ส่วนนายศักดิ์ดาผู้ตายเป็นคนงานก่อสร้างที่มาทำงานบริเวณใกล้เคียง ซึ่งปกติทั้งคู่ก็จะอยู่ด้วยกันและเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ในคืนวันเกิดเหตุทั้งคู่ได้นั่งดื่มเหล้ากัน และได้ทะเลาะโต้เถียงกัน ซึ่งนายศักดิ์ดาผู้ตายได้เดินไปหยิบปืนลูกซองสั้นในห้องนอน ส่วนนายวิเชียรได้วิ่งตามเข้าไปในห้องเพื่อแย่งปืน แล้วปืนเกิดลั่นเข้าศีรษะนายศักดิ์ดาล้มลงเสียชีวิต นายวิเชียร์กลัวความผิดจึงได้ใช้มีดผ่าท้องผู้ตายแล้วใช้เชือกมัดศพกับกระสอบทราย แล้วนำไปถ่วงน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น จากนั้นได้นำปืนซึ่งบอกว่าเป็นปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ไปโยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำ ก่อนที่จะหลบหนีไปอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วต่อมารู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้กลับมาขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยที่ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ทราบทั้งคู่ได้หายไปไหน เพราะต่างมาทำงานนอกพื้นที่ทั้งคู่