หลังพบศพนางบรรเจิด พุทธวัฒน์ อายุ 64 ปี เศรษฐีเงินกู้และเท้าแชร์รายใหญ่ใน จ.นครสวรรค์
ไม่ทันข้ามวัน ตำรวจก็สามารถตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือสังหารเอาไว้ได้สำเร็จ
มือฆ่าไม่ใช่ใครที่ไหน คือนางวันดี เณรงาม อายุ 40 ปี ลูกน้องนางบรรเจิด
ที่ทำหน้าที่วิ่งเก็บค่าแชร์นั่นเอง ฆ่าเพราะไม่พอใจที่ถูกผู้ตายดุด่าว่ากล่าวเรื่องเม้มเอาค่าแชร์ไปใช้หนี้การพนันจนหมด เมื่อทนเสียงบ่นด่าไม่ไหว สุดท้ายจึงคว้ามีดปังตอฟันผู้ตายไม่ยั้ง ทิ้งศพหมกพงหญ้านาน 3 วัน ศพจึงโผล่ฟ้องหาความเป็นธรรม
สยองกลางเมืองนครสวรรค์!!
ร่างอันไร้วิญญาณของนางบรรเจิด ถูกพบในตอนสายวันที่ 11 ก.ค. ถูกฆ่าหมกป่ากล้วยข้างคันนา หมู่ 1 บ้านวังหิน ต.วัดไทร อ.เมืองนครสวรรค์
หลังเกิด เจ้าหน้าที่ รุดไปชันสูตรพลิกศพ
ผู้ตายถูกฆ่าอย่างอุกอาจ นางบรรเจิดถูกฆ่าในสภาพนอนคว่ำหน้า มีทางมะพร้าวปิดคลุมศพไว้ สวมเสื้อเชิ้ตลายดอกสีดำ กางเกงยืดสีดำ ศพบวมอืดส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ศีรษะถูกฟันถึง 9 แผล ตายมาแล้วประมาณ 3 วัน เงินสดและสร้อยคอทองคำหายไป
ตอนแรกตำรวจยังไม่รู้ว่าเป็นนางบรรเจิด
จนกระทั่งตรวจสอบจากบันทึกประจำวัน พบว่าก่อนหน้านี้ 2-3 วัน มีญาติของนางบรรเจิดมาแจ้งความคนหายไว้ จึงพามาดูศพ ซึ่งญาติยืนยันว่าใช่นางบรรเจิดแน่นอน เพราะจำรูปพรรณสันฐานได้
เบื้องหลังสังหารเท้าแชร์ รวบสาวมือมีดขี้โมโห แค้นถูกด่าแอบเม้มเงิน
เมื่อเป็นเช่นนั้นตำรวจจึงเชิญตัวนางเลขา แพรสีนวล และนางอัญญามณี ธนวินสมบัติ ลูกสาวของนางบรรเจิดมาให้ปากคำ
ทราบมาว่า นางบรรเจิดเคยอยู่นครสวรรค์ เพราะสามีเคยเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนครสวรรค์ แต่ปัจจุบันไปอยู่กับลูกสาวที่กรุงเทพฯ
โดยนางบรรเจิดมีอาชีพปล่อยเงินกู้ และเป็นเท้าแชร์รายใหญ่
จึงต้องขึ้น-ล่องกรุงเทพฯ-นครสวรรค์เป็นประจำ โดยมอบหมายให้นางวันดี เณรงาม อายุ 40 ปี ลูกจ้างขายน้ำในโรงอาหารโรงเรียนนครสวรรค์ ซึ่งรู้จักกันมานาน เป็นคนคอยเก็บเงินค่าแชร์ให้
แต่ในระยะหลังการเก็บเงินเริ่มมีปัญหา
นางบรรเจิดจึงโทรศัพท์ต่อว่านางวันดีหลายครั้ง จนกระทั่งวันที่ 8 ก.ค. นางบรรเจิดจึงตัดสินใจเดินทางไปนครสวรรค์ เพื่อเคลียร์ปัญหากับนางวันดีและเก็บเงินค้างจ่ายที่เหลือ
หลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครพบนางบรรเจิดอีกเลย!??
เมื่อเรื่องเป็นเช่นนั้น พล.ต.ต.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ จึงมอบหมายให้พ.ต.ท.อาชวิน สิงหะผลิน รอง ผกก.หัวหน้างานสืบสวนตำรวจภูธร จ.นครสวรรค์ พ.ต.ท.อุทัย วงศ์คำแสน สว.สส.ตำรวจภูธร จ.นครสวรรค์ และพ.ต.ท.ไพรัช เมืองศรี พนักงานสอบสวนสภ.อ.เมืองนครสวรรค์ ไปนำตัวนางวันดีกับนายสมชาย หมื่นชำนาญ อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นสามี มาสอบปากคำ
ในตอนแรกทั้งคู่ให้การปฏิเสธไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
แต่ตำรวจเอะใจในคำให้การที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะนางวันดี ให้การมีพิรุธหลายอย่าง อ้างว่าไม่ได้ติดต่อกับนางบรรเจิดมานานแล้ว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ยืนยันการติดต่อทางโทรศัพท์ ทำให้นางวันดีถึงกับปากคอสั่น และยอมรับว่าเป็นคนฆ่านางบรรเจิดในที่สุด
โดยบอกว่า ก่อนก่อเหตุวันที่ 8 ก.ค.ได้โทรศัพท์ติดต่อนางบรรเจิด
ที่เดินทางมาจากกทม. โดยนัดหมายให้ไปรับที่สถานีบ.ข.ส.นครสวรรค์ตอน 10 โมงเช้า จึงขับขี่รถจักรยานยนต์ไปรับ และพาไปดูหมอดูที่บ้านเขาดิน อ.เก้าเลี้ยว
แต่ระหว่างนั้นถูกนางบรรเจิดด่าว่าอย่างรุนแรง
เกี่ยวกับเรื่องเงินที่มอบหมายให้เป็นผู้เก็บ เนื่องจากไม่นำส่งให้นางบรรเจิด เอาเงินไปใช้หนี้สินที่เกิดจากการเล่นการพนัน และใช้จ่ายส่วนตัวจนหมด หลังพานางบรรเจิดไปดูหมอที่บ้านเขาดิน ขากลับจอดพักข้างทางก็มีปากเสียงกันอีกครั้งเรื่องเงิน จึงบันดาลโทสะตบตี และใช้มีดที่พกติดตัวมาฟันศีรษะนางบรรเจิดหลายครั้ง ก่อนลากศพหมกในพงหญ้าใช้ทางมะพร้าวปิดอำพรางไว้ แล้วขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ระหว่างทางได้โยนมีดปังตอทิ้งในบ่อน้ำป่าหญ้าริมถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก
จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้
สายวันที่ 12 ก.ค. ตำรวจนครสวรรค์นำกำลังเข้าค้นหามีดของกลางในป่าหญ้าริมถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก หมู่ 11 ต.วัดไทร ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงพบมีดปังตอดังกล่าว
จากนั้นได้เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 11 ต.วัดไทร
พบทรัพย์สินของผู้ตาย ประกอบด้วย สร้อยคอนาก สร้อยข้อมือนากรูปหัวใจ พระเลี่ยมทอง เหรียญจตุคามรามเทพ รุ่นทรัพย์ไพศาล เลี่ยมทอง 3 องค์ เลี่ยมนาก 1 องค์ ยังไม่ได้เลี่ยม 1 องค์ พระผงจตุคามรามเทพ 2 องค์ นาฬิกาข้อมือเรือนทองสายทอง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อพานาโซนิค 2 เครื่อง เงินสด 51,190 บาท สมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขานครสวรรค์ ชื่อบัญชีนายสมชาย หมื่นชำนาญ มีเงินฝาก 108,561 บาท สมุดบัญชีเก็บเงินแชร์ และเงินกู้ 3 เล่ม รวมทั้งรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีเขียว ทะเบียน กลฉ 874 นครสวรรค์ ที่นางวันดีพาผู้ตายไปดูหมอก่อนฆ่า
เย็นวันเดียวกัน ตำรวจนำตัวนางวันดี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เริ่มจากจุดฆ่า จุดพบศพและจุดที่นางวันดีนำกระเป๋าเสื้อผ้าของนางบรรเจิดไปทิ้งแม่น้ำปิงเพื่อทำลายหลักฐาน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังขยายผลต่อไป ว่างานนี้นางวันดีลงมือทำคนเดียวหรือไม่ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าวันเกิดเหตุนางวันดี มีการติดต่อทางโทรศัพท์กับบุคคลอีกหลายคน โยงใยเรื่องเงินทองอีกมากมาย
จะมีเบื้องหลังอีกหรือไม่ต้องติดตาม!?