บรรยากาศที่บ้านใน ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพของนายกฤษฎา หรือเอิร์ท อ่อนน้อม อายุ 19 ปี ที่ถูก 6 วัยรุ่นรุมทำร้ายจนเสียชีวิตที่บริเวณหน้าร้านอาหารริมถนนแสงชูโต พื้นที่ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา
นางกัญญา ทอยชเลอร์ แม่ของนายกฤษดาได้กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ 6 ของการสวดอภิธรรมศพ ตนทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และทุกฝ่ายพยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ในการเร่งติดตามกดดันไล่ล่าผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาโดยตลอด จนกระทั่งล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ ผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวอีก 1 ราย คือ นายพงศ์วิทย์ หรือวิท เทพกาวีระ อายุ 22 ปี เป็นรายที่ 3 ที่ร่วมกันทำร้ายลูกชาย ซึ่งตนพร้อมญาติๆ ก็ยังคงยืนยันว่าจะยังไม่มีการทำพิธีฌาปนกิจศพลูกชาย หากกลุ่มที่ร่วมกันรุมทำร้ายลูกชายตนเสียชีวิตยังไม่ถูกจับกุมตัวได้ทั้งหมด จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย เพื่อให้ลูกชายของตนนอนตายตาหลับ ซึ่งตนเชื่อว่าดวงวิญญาณของลูกชายน่าจะไปกดดันให้กลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้ายเขาต้องได้รับกรรมทั้งหมดที่ก่อไว้อย่างแน่นอน สำหรับกรณีที่ผู้ต้องหาระบุว่าการรุมทำร้ายครั้งนี้เป็นการจำคนผิด ในเรื่องนี้ตนไม่เชื่อ เพราะหากเป็นการจำคนผิดจริง คงไม่ลงมือทำร้ายกันจนถึงขั้นเสียชีวิตอย่างแน่นอน
ส่วนเจ้าหน้าที่ยังคงพยายามไล่ล่าติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 คน ประกอบด้วย 1.นายนิตินัย หรือมอส วัชรานุทัศน์ อายุ 25 ปี 2.นายปริญญ์ หรือนายปิ่นโรจน์ อายุ 18 ปี และ 3.นายชัยอนุวัต หรือต้น รอดภัย อายุ 23 ปี มาดำเนินคดีโดยเร็วตามความประสงค์ของญาติผู้ตาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสืบสวนแกะรอยติดตามไล่ล่า แต่ขอไม่เปิดเผยในรายละเอียด เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะไหวตัวทันและหลบหนีไปอีกภายหลังจากทราบความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่จากการนำเสนอข่าวของสื่อ อย่างไรก็ตาม คาดว่านายปริญญ์ หรือนายปิ่นโรจน์ อายุ 18 ปี นายชัยอนุวัต หรือต้น รอดภัย อายุ 23 ปี จะติดต่อขอเข้ามอบตัวในช่วง 1-2 วันนี้ ส่วนนายนิตินัย หรือมอส วัชรานุทัศน์ อายุ 25 ปี ยังไร้วี่แววว่าจะเข้ามอบตัว เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้เคยต้องโทษและได้ประกันตัวออกมาในชั้นศาล อยู่ระหว่างหนีศาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามไล่ล่าตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้ การข่าวแจ้งว่าผู้ต้องหายังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ได้หนีออกนอกพื้นที่หรือออกนอกประเทศตามแนวตะเข็บชายแดนบ้านพุน้ำร้อน อ.เมืองกาญจนบุรี และด้าน อ.สังขละบุรี แต่อย่างใด เนื่องจากผู้ต้องหากลุ่มนี้ไม่มีเครือข่ายอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ได้ประสานทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดน รวมทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาญจนบุรี เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนีออกนอกประเทศได้