แล้วในที่สุดตำรวจก็สามารถจับกุมนายจรินทร์ หรือ "ไอ้อ๊อด" พันธ์ศิริ
อายุ 20 ปี กับนายปาย อายุ 23 ปี ชาวพม่า ที่ลงมือฆ่านางวาสนา แซ่ตั้ง อายุ 50 ปี เถ้าแก่เนี้ยร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเอาไว้ได้สำเร็จ
กระชากหน้ากากมือฆ่ามาให้ดูหน้ากัน!?!
คนร้ายทั้ง 2 ลงมืออย่างเหี้ยมโหด ฉวยโอกาสตอนเหยื่อเผลอ ตรงเข้าทุบตี ใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าชอร์ตหน้าอก ชอร์ตจิ๋ม อำพรางคดีว่าเป็นการข่มขืน ก่อนใช้เชือกรัดคอเหยื่อจนเสียชีวิต แล้วรื้อค้นเอาเงินสด 4 หมื่นบาทหลบหนีไป
เงินเท่านี้ก็ทำให้คนฆ่าคนได้!??
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นตอนสายวันที่ 10 ก.ค. ตำรวจ สน.พระโขนง รับแจ้งมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นที่ หจก.ศรีสาธิต เลขที่ 875/1 ซอยวชิรธรรมสาธิต 57 ถนนสุขุมวิท 101/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. เจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบ
คำสารภาพฆ่าเถ้าแก่เนี้ย 2 คนร้ายเหี้ยมไทย-พม่าตะลึงเพิ่งฆ่าเพื่อนอีกศพ
เมื่อไปถึงพบว่า หจก.ศรีสาธิต เปิดเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้าง
ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ด้านหลังเป็นโกดังเก็บสินค้า และยังมีการปลูกสร้างห้องพักให้กับบรรดาลูกจ้างได้พักอาศัย ที่ชั้นล่างข้างโต๊ะทำงานพบศพนางวาสนา เจ้าของร้านถูกฆ่าตายในสภาพนอนหงาย อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่อน กางเกงผ้ายืดขาสั้นสีดำถูกถลกลงมาพร้อมกางเกงใน เลือดไหลนองเต็มพื้น
นอกจากนี้ที่บริเวณใบหน้ายังมีร่องรอยถูกทุบด้วยของแข็งจนเละ
ลำคอถูกรัดด้วยเชือกพลาสติกสีเขียวสำหรับมัดกล่อง ซี่โครงหักทั้งแถบเพราะถูกกระทืบ ศีรษะช้ำเพราะถูกจับโขกกับพื้น
แต่ที่น่าเวทนายิ่งกว่าคือที่ราวนมทั้ง 2 ข้างและอวัยวะเพศถูกชอร์ตด้วยเครื่องชอร์ตไฟฟ้าอย่างทารุณ
ข้างศพพบเครื่องชอร์ตไฟฟ้าตกอยู่ 1 อัน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-10 ชั่วโมง โต๊ะทำงานและชั้นต่างๆ ถูกคนร้ายรื้อค้นกระจุยกระจาย ทรัพย์สินหายไปจำนวนหนึ่ง
เกิดเรื่องร้ายขึ้นแล้วที่ร้านแห่งนี้!?!
ตำรวจขีดวงว่าคนร้ายจะต้องเป็นคนในแน่ๆ เพราะไม่มีร่องรอยงัดแงะเข้ามา อีกทั้งคนร้ายก็รู้ที่เก็บซ่อนทรัพย์สินเป็นอย่างดี จากการตรวจสอบห้องพักคนงาน พบกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือด 1 ชุด ซุกซ่อนอยู่ในถังขยะ ซึ่งพยานยืนยันว่าชุดดังกล่าวเป็นของนายปาย คนงานพม่าที่เพิ่งมาทำงานไม่นาน
และที่สำคัญหลังเกิดเหตุนายปายได้หลบหนีไปพร้อมกับนายจรินทร์
อย่างไร้วี่แวว เจ้าหน้าที่จึงตามไปค้นห้องพักนายจรินทร์ พบบ้องกัญชาและลูกปืนขนาด .38 และ 9 ม.ม. อีก 8 นัด จึงเก็บเป็นหลักฐาน
คนร้ายจะเป็นใครเสียมิได้นอกจากสองคนนี้!!
แต่เพื่อให้แน่ใจเจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายอมรรัตน์ หมื่นแพน อายุ 34 ปี หัวหน้าคนงานมาสอบปากคำ ได้ความว่า ปกติจะมีคนงานพักอยู่หลังร้านประมาณ 10 คน ส่วนนางวาสนากับสามีและลูกๆ จะพักอยู่บ้านอีกหลังใกล้ๆ กัน ก่อนพบศพลูกๆ ตามหานางวาสนา แต่ไม่พบจนข้ามวัน เมื่อเห็นร้านปิดล็อกอยู่แต่เปิดไฟข้างในจึงตัดสินใจพังประตูเข้าไปดู ก็พบว่านางวาสนาถูกฆ่าตายแล้ว
คนงานทุกคนยังอยู่ครบ ไม่ได้หลบหนีไปไหน
ยกเว้นไอ้อ๊อดกับไอ้ปายที่หายตัวไปหลังเกิดเหตุ ซึ่งก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นสองคนนี้นั่งดื่มเหล้าจนเมา พอรุ่งเช้าก็พบว่าเกิดเหตุคนร้ายฆ่านางวาสนาเกิดขึ้น นายอมรรัตน์กล่าว
ไอ้อ๊อด-ไอ้ปายตกเป็นเป้าหมายตำรวจทันที
พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. สั่งไล่ล่าคนร้ายมาดำเนินคดีเป็นการด่วน มีการส่งชุดสืบสวนออกสกัดทุกเส้นทางหลบหนีและแหล่งกบดานของมัน
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ตำรวจก็สามารถตามจับกุมนายจรินทร์ไว้ได้
ที่ริมถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ ขณะกำลังเดินทอดน่องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะเดียวกันชุดทำงานของพ.ต.ท.ชูศักดิ์ แจ้งบำรุง รอง ผกก.สส.บก.น.5 ยังตะครุบตัวนายปายไว้ได้ที่บริเวณหน้าบ้านพักคนงาน ย่านราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขณะกำลังไปหาที่กบดาน
ซึ่งนายปายต่อสู้จนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บไปหลายนาย
พ.ต.ท.ชูศักดิ์มีรอยช้ำที่แขน ส่วนลูกน้องต้องเลือดตกยางออกไปตามๆ กัน ก่อนที่มันจะจนมุมพร้อมของกลางสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึงอีก 1 เส้น
ไม่ทันข้ามวันตำรวจก็รวบตัวพวกมันได้สำเร็จ
ทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อหา
นายจรินทร์รับสารภาพว่า ติดกัญชางอมแงม
ทำงานที่ร้านมา 4-5 เดือน ได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มสุราอยู่กับนายปายหมดไปคนละขวดจนมึนเมา จากนั้นทุ่มเศษได้เปิดประตูหลังร้านเข้าไป พบผู้ตายนั่งทำงานอยู่ จึงต่อยเข้าที่หน้าจนล้มลง
จากนั้นนายปายเอากำปั้นตีที่หน้าอกหลายครั้ง
ผู้ตายร้องเสียงดัง ตนจึงเอาเชือกพลาสติกรัดคอประมาณ 5 นาทีจนนิ่งไป จากนั้นใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าที่ซื้อมาจากคลองถม ราคา 100 บาท มาชอร์ตใต้ราวนม และอวัยวะเพศ เพื่อเบี่ยงเบนว่าถูกข่มขืน หลังจากนั้นจึงรื้อค้นเอาเงินไปได้ประมาณ 1 หมื่นบาท นำไปใช้เที่ยวเตร่ตามร้านอาหาร ส่วนนายปายเอาไป 3 หมื่นบาทไปซื้อสร้อยทองคำของกลางและเที่ยวเตร่ ขณะที่นายปายก็ให้การสอดคล้องกัน บอกว่า
ช่วยกันฆ่าเพื่อหวังชิงทรัพย์
แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตกตะลึงยิ่งกว่านั้น ก็ตอนที่มันบอกว่าเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ปีก่อน ก็เพิ่งลงมือฆ่านายอะดัง อายุ 33 ปี เพื่อนคนงานชาวพม่ามาหยกๆ ฝังศพไว้ในโรงสีวิจิตรธัญญา ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
เพื่อให้หายข้องใจ เย็นวันที่ 11 ก.ค.
พ.ต.ท.ฐาปกรณ์ อินทะชัย สว.สส.สน.พระโขนง พร้อมกำลังจึงนำตัวนายปายไปชี้จุดฝังศพเพื่อนคนงานตามคำกล่าวอ้าง โดยประสานพ.ต.ท.มงคลวัฒน์ จิตต์พงศ์ศรี สวส.สภ.ต.เปร็ง แพทย์เวรร.พ.บางบ่อ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมทำการขุดศพ
ซึ่งที่ด้านหลังโรงสีเจ้าหน้าที่ขุดดินลึกลงไปประมาณ 60 ซ.ม.
จึงพบศพนายอะดังถูกฝังอยู่ในดิน สภาพศพเหลือแต่โครงกระดูก มีเศษเนื้อติดเล็กน้อย นุ่งกางเกงในสีเขียวอ่อน เสื้อกล้ามสีแดง ที่กะโหลกศีรษะด้านซ้ายแตกเป็นแนวยาว เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชเพื่อชันสูตรต่อไป
นายปายสารภาพในคดีหลังว่า ได้ร่วมกับนายเล่อ อายุ 32 ปี เพื่อนคนงานชาวพม่าด้วยกันฆ่านายอะดัง
สาเหตุมาจากนั่งดื่มสุราด้วยกัน แล้วมีเรื่องกันเกี่ยวกับแย่งบุหรี่ที่เหลือมวนสุดท้าย โดยใช้ไม้รุมตีนายอะดังจนแน่นิ่งในบ้านพักคนงาน และช่วยกันลากศพไปฝังด้านหลังโรงสี จากนั้นจึงเปลี่ยนที่ทำงานมาอยู่กับนางวาสนา
แต่ก็ยังไม่วายมาก่อเหตุร้ายอีกจนได้!?!
วันที่ 12 ก.ค. ตำรวจนำตัว 2 ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดฆ่านางวาสนา ท่ามกลางกำลังตำรวจคุ้มกันอย่างแน่นหนา เพราะกลัวว่าประชาชนจะฮือเข้ารุมประชาทัณฑ์
ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด เจ้าหน้าที่ต้องรวบรัดทำแผนแบบฉับพลัน
เพราะระหว่างทำแผนมีทั้งชาวบ้านและญาติผู้ตาย ที่อดใจไม่ไหวพยายามฮือเข้ามารุมทำร้ายผู้ต้องหา จนต้องเข้าห้ามปรามกันจ้าละหวั่น
ใครทำอะไรไว้ต้องรับกรรมตามกฎหมาย